“….มาถึงวันนี้ ประวัติศาสตร์ก็ได้จารึกถึงความสำเร็จของคนจีนอย่างชัดเจนอีกแล้วว่า ทั้งในจีนและโพ้นทะเล ก็สามารถพากันสร้างสรรค์สังคมจีนยุคใหม่ได้เป็นผลสำเร็จ โดยไม่เพียงแต่ไล่ทันโลกตะวันตกเท่านั้น หากแต่ยังก้าวล้ำหน้าไปยืนอยู่ในแถวหน้าสุดของมวลมนุษยชาติอย่างชัดเจนอีกด้วย ด้วยศักยภาพอุตสาหกรรมการผลิตขนาดยักษ์เป็นตัวขับเคลื่อน และการผลิตบุคลากรชั้นนำอย่างเป็นระบบ ภายใต้การชี้นำและบัญชาการ ตลอดจนการวางแผนจากยอดบนสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่สำคัญจีนยังแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่า พวกเขาจะไม่ล้ำหน้าชาติอื่นไปโดยไม่เหลียวหลัง หากแต่จะคอยกวักมือเรียกและยื่นมือให้จับเพื่อก้าวหน้าไปด้วยกัน ตามแนวคิดที่ว่า “เทียนเซี่ยเหวยกง” มนุษยชาติดำรงอยู่ได้ด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือแนวคิดชี้นำที่นำเสนอโดย “สี จิ้นผิง” ที่ว่า “จงมาร่วมกันสร้างประชาคมโลกที่มีอนาคตร่วมกัน” หรือ “โก้วเจี้ยน เหรินเล่ย มิ่งอวิ้น ก้งถงถี่” มาถึงวันนี้ สิ่งที่คนจีนคิดและมองจึงมิใช่เรื่องของการต่อสู้เพื่อเอาชนะใครโดยเฉพาะ หากแต่มองไปที่เมื่อตนเองได้ก้าวมาถึงจุดนี้แล้ว จะก้าวไปสู่จุดต่อไปอย่างไร เพื่อบรรลุสู่จุดหมายปลายทางของการสร้างอารยธรรมใหม่ที่เกริกไกรยิ่งกว่าอดีต…”
ไม่คิดเอาชนะ ก็ชนะแล้ว 不想赢 就赢了
เติ้ง เสี่ยวผิง เมื่อพบว่าจีนยังล้าหลังต่างประเทศมากก็พูดว่า “เราต้องทำได้ และทำได้ดีกว่า”
ไม่ต่างจากคติประจำใจคนจีนข้อหนึ่งที่ว่า “ต้องทำตัวให้แข็งแกร่งเสมอ” หรือ “จื้อเฉียงปู้ซี”(自强不息)ที่ย่อมาจากแนวคิดสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณที่ว่า “เทียนสีงเจี้ยน จวินจื่ออี่ จื้อเฉียงปู้ซี”(天行健 君子以自强不息)ความว่า “ฟ้าไม่เคยหยุดเคลื่อนที่อย่างคึกคัก เราก็ต้องสร้างความเข้มแข็งให้ตนเองเสมอ” หมายถึง คนเราต้องเอาอย่างฟ้าหรือธรรมชาติ ไม่หยุดยั้งในการขับเคลื่อนตัวเองอย่างเข้มแข็ง
คตินี้ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณของคนจีนมาโดยตลอด ซึ่งนี่อาจจะเป็นคำตอบหนึ่งก็ได้ในความขยันขันแข็งของคนจีน กระทั่งสามารถสร้างอารยธรรมอันรุ่งโรจน์สืบเนื่องกันมาตั้งแต่โบราณจนถึงวันนี้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ปี
มาถึงวันนี้ ประวัติศาสตร์ก็ได้จารึกถึงความสำเร็จของคนจีนอย่างชัดเจนอีกแล้วว่า เมื่อพวกเขาสามารถสลัดหลุดจากกรอบจำกัดของระบอบสังคมศักดินาและอำนาจครอบงำของมหาอำนาจตะวันตก สร้างระบอบปกครองที่ยึดมั่นในพลังสร้างสรรค์ของมวลชน โดยมีระบบการนำที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุดที่เคยมีมา ทั้งในจีนและโพ้นทะเล ก็สามารถพากันสร้างสรรค์สังคมจีนยุคใหม่ได้เป็นผลสำเร็จ โดยไม่เพียงแต่ไล่ทันโลกตะวันตกเท่านั้น หากแต่ยังก้าวล้ำหน้าไปยืนอยู่ในแถวหน้าสุดของมวลมนุษยชาติอย่างชัดเจนอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ที่สำคัญจีนยังแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่า พวกเขาจะไม่ล้ำหน้าชาติอื่นไปโดยไม่เหลียวหลัง หากแต่จะคอยกวักมือเรียกและยื่นมือให้จับเพื่อก้าวหน้าไปด้วยกัน ตามแนวคิดที่ว่า “เทียนเซี่ยเหวยกง”(天下为公)มนุษยชาติดำรงอยู่ได้ด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือแนวคิดชี้นำที่นำเสนอโดย สี จิ้นผิง ที่ว่า “จงมาร่วมกันสร้างประชาคมโลกที่มีอนาคตร่วมกัน” หรือ “โก้วเจี้ยน เหรินเล่ย มิ่งอวิ้น ก้งถงถี่”(构建人类命运共同体)
ความเชื่อมั่นในตนเองของคนจีนจึงกลายเป็นเหตุปัจจัยอันดับต้นๆ ของความสำเร็จต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบการบริหารจัดการในระบอบสังคมนิยมอัตตลักษณ์จีนหรือการพัฒนาประเทศที่เน้นการนวัตกรรมรอบด้านด้วยวิทยาการสมัยใหม่ในรูปเศรษฐกิจตลาดสังคมนิยม ขับเคลื่อนตัวเองไปสู่อนาคตยาวไกลด้วยสำนึกของความเป็นจีนที่ได้สืบสานกันมาอย่างต่อเนื่องและจะดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้งตราบนานเท่านาน
มาถึงวันนี้ สิ่งที่คนจีนคิดและมองจึงมิใช่เรื่องของการต่อสู้เพื่อเอาชนะใครโดยเฉพาะ หากแต่มองไปที่เมื่อตนเองได้ก้าวมาถึงจุดนี้แล้ว จะก้าวไปสู่จุดต่อไปอย่างไร เพื่อบรรลุสู่จุดหมายปลายทางของการสร้างอารยธรรมใหม่ที่เกริกไกรยิ่งกว่าอดีต
เราจึงพบว่า หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการไล่กวดตามหลังตะวันตกในแทบทุกด้านแล้ว จีนได้ปรับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไปยังการสร้างนวัตกรรมล้ำยุคเหนือกว่าชาติอื่นใดทั้งหมด ด้วยศักยภาพอุตสาหกรรมการผลิตขนาดยักษ์เป็นตัวขับเคลื่อน และการผลิตบุคลากรชั้นนำอย่างเป็นระบบ ภายใต้การชี้นำและบัญชาการ ตลอดจนการวางแผนจากยอดบนสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ในบริบทอันทรงพลวัตนี้ เราจึงพบว่าปัจจุบันจีนได้ก้าวมายืนอยู่แถวหน้าสุดของกระบวนการสร้างอารยธรรมใหม่ของมวลมนุษยชาติที่มีวิทยาศาสตร์ควันตัมและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นตัวนำเรียบร้อยแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ระบบดาวเทียมนำทางของ “เป๋ยโต่ว” จึงเหนือกว่าจีพีเอสของอเมริกา การสำรวจดวงจันทร์และกิจกรรมอวกาศของจีนจึงโดดเด่นขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ระบบสื่อสาร 5G ของจีนจึงได้รับความนิยมอย่างสูง และรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของจีนจึงไร้คู่แข่ง
ทั้งนี้ไม่ต้องพูดถึงระบบรถไฟความเร็วสูงที่เหนือชั้นกว่า ตลอดจนเครื่องบินโดยสารเหนือเสียง 4 เท่าตัวที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในปี 2030 ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับการเดินทางไปลงดวงจันทร์ของนักวิทยาศาสตร์จีน
ซึ่งแน่นอนที่สุด ตามแนวคิดของคนจีนที่สืบต่อกันมาหลายพันปี กิจกรรมทั้งหมดที่คนจีนกำลังพาทำนี้้ ตั้งอยู่บนฐาน “ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแบ่งปัน” กับคนทั้งโลกอยู่แล้ว
ตามคติที่ว่า “ดอกไม้ในสวนที่บานสะพรั่ง ย่อมสวยงามกว่าดอกไม้บานดอกเดียว”
มนุษย์มีสิทธิ์ที่จะชนะด้วยกัน โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้แพ้
ไขคำจีน 赢 อิ๋ง ชนะ