“….ปรากฏการณ์”อพยพลี้ภัย”นับแสนนับล้าน ของชาวเน็ตอเมริกันในบ้านใหม่”เสี่ยวหงซู” ครั้งประวัติศาสตร์นี้
เมื่อได้สัมผัสโดยตรงกับเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนจากเพื่อนใหม่ในappเสี่ยวหงซู ทั้งเรื่องค่าครองชีพ อาชีพการงาน การเรียนการศึกษา และการรักษาพยาบาล ตลอดจนการใช้ชีวิตประจำวันของชาวจีนทั่วไป
ซึ่งภายในไม่กี่วัน คนอเมริกันนับล้านๆถึงกับตาสว่าง คาดไม่ถึงว่าทุกวันนี้ระดับมาตรฐานชีวิตคนจีนได้ล้ำเกินพวกเขาไปแล้วในแทบทุกด้าน ส่วนชาวจีนเจ้าบ้านก็พากันตื่นเต้นที่ไม่เพียงแต่มีเพื่อนชาวอเมริกันมาใช้ชีวิตร่วมกันในสื่อออนไลน์โดยไร้กำแพงขวางกั้นเท่านั้น หากแต่ยังได้ยื่นมือช่วยไขข้อข้องใจในเรื่องต่างๆที่เดิมทีหาคำตอบไม่ได้ เกิดสภาวะ”ปลอดม่านบัง”ความจริงแท้ระหว่างคนสองชาตินี้โดยพลัน สภาวะ”ปลอดม่านบัง” ในการสื่อสารระหว่างกันเช่นนี้ นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่”ประวัติศาสตร์” มอบให้โดยแท้ ยากที่ใครจะขวางได้ ยกเว้นยกเลิกทำลายระบบการสื่อสารยุคใหม่ของโลกไปเลย ดังนั้นแม้ภาคการเมืองอเมริกันจะงัดเอาลูกเล่นอะไรออกมาใช้ ก็จะล้มเหลวไม่เป็นท่า…”
ลี้ภัยไปappจีน 奔向小红书
โลกโซเซียลสะเทือนเลือนลั่น เมื่อชาวtiktokอเมริกันแห่แหนกันหนีไปหาพื้นที่ใหม่ เพราะรัฐบาลวอชิงตันจะปิดตาย tiktok ตั้งแต่วันที่19 มกราคมนี้ ด้วยเหตุผลความมั่นคง
สร้างความโกลาหลให้แก่ชาวtiktok อเมริกัน170ล้านคน เป็นอย่างมาก และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่แบบไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน
โดยนับตั้งแต่วันที่14มกราคมที่ผ่านมา เหล่าสาวกtiktokอเมริกันนับหมื่นนับแสนก็พากันแห่ไปเปิดบัญชีใช้appจีนชื่อ”เสี่ยวหงซู” (小红书)หรือ”หนังสือแดงเล่มเล็ก” ทำให้appจีนนี้ทะยานจากอันดับ10 ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในอเมริกาทันที ซึ่งต่อมาอีกไม่กี่วันก็ได้ขึ้นเป็นappเด่นอันดับหนึ่งในอีก80กว่าประเทศทั่วโลก
ณ วันนี้ tiktok มีชะตากรรมอย่างไร ดูเหมือนจะไม่ใช่ประเด็น เพราะผู้ลี้ภัยอเมริกันนับแสนนับล้านได้พากันเข้าไปพักพิงกันเรียบร้อยในบ้านใหม่”เสี่ยวหงซู” ด้วยความรู้สึกประทับใจอบอุ่นใจในมิตรไมตรีของชาวจีนเจ้าถิ่นที่คาดคิดไม่ถึง โดยเฉพาะเมื่อได้สัมผัสโดยตรงกับเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนจากเพื่อนใหม่ในappเสี่ยวหงซู ทั้งเรื่องค่าครองชีพ อาชีพการงาน การเรียนการศึกษา และการรักษาพยาบาล ตลอดจนการใช้ชีวิตประจำวันของชาวจีนทั่วไป
ซึ่งภายในไม่กี่วัน คนอเมริกันนับล้านๆที่ปกติแล้วไม่เข้าใจชีวิตคนจีนมากไปกว่าสิ่งที่สื่อทั่วไปเสนอก็ถึงกับตาสว่าง คาดไม่ถึงว่าทุกวันนี้ระดับมาตรฐานชีวิตคนจีนได้ล้ำเกินพวกเขาไปแล้วในแทบทุกด้าน
อีกบรรยากาศหนึ่งที่ตรึงชาวเน็ตอเมริกันเข้ากับคนจีนได้อย่างคาดไม่ถึงคือการเรียนรู้ภาษาจีนกับภาษาอังกฤษซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะชาวอเมริกันที่จะต้องปรับตัวเข้ากับเสี่ยวหงซูซึ่งเป็นเน็ตจีนร้อยเปอร์เซ็นต์ และมีเพียงแพล็ตฟอร์มเดียวที่เซี่ยงไฮ้
นั่นหมายถึงว่าเมื่อพวกเขาโยกย้ายเข้าเสี่ยวหงซูก็เท่ากับย้ายไปอยู่ประเทศจีน ต้องใช้ภาษาจีนให้เป็น
แม้ว่าพวกเขาจะมีแอปป์แปลภาษาใช้มากขึ้น แต่ถึงที่สุดก็ต้องการใช้ภาษาจีนโดยตรง กระแสการเรียนภาษาจีนในเสี่ยวหงซูจึงร้อนแรงเป็นพิเศษ สะท้อนถึงกระแสความนิยมในภาษาจีนตามระดับความเจริญก้าวหน้าของประเทศจีนที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก
ปรากฏการณ์”อพยพลี้ภัย” ของชาวเน็ตอเมริกันครั้งประวัติศาสตร์นี้ มีการตีความไปต่างๆนาๆ หลักๆก็เป็นไปตามที่ชาวเน็ตอเมริกันบอก คือพวกเขาไม่พอใจที่ทางการสหรัฐปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออกในtiktokของพวกเขา ที่เปรียบเป็นบ้านที่ดำเนินชีวิตในแต่ละวันได้อย่างมีเนื้อหาสาระตั้งแต่เช้ายันค่ำ หนำซ้ำยังเป็นแหล่งทำมาหากิน มีรายได้พิเศษจากยอดวิวที่ทบทวีขึ้นมาตามความนิยมของชาวเน็ตด้วยกัน
ต่อคำถามที่ว่า แล้วทำไมพวกเขาไม่ย้ายไปใช้แอปป์ที่เป็นภาษาอังกฤษซึ่งมีอยู่มากมายหลายเจ้า? ก็ได้คำตอบตรงกันว่าพวกเขาชอบtiktokที่มาจากจีน จึงต้องการหา”บ้านจีน” อยู่อาศัย ใช้ชีวิตทำมาหากิน ซึ่งเมื่อเข้ามายังเสี่ยวหงซูแล้วก็ไม่ผิดหวัง หนำซ้ำได้เพื่อนใหม่ชาวจีนที่แสนเป็นมิตรและให้ความอบอุ่นแบบไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ส่วนชาวจีนเจ้าบ้านก็พากันตื่นเต้นที่ไม่เพียงแต่มีเพื่อนชาวอเมริกันมาใช้ชีวิตร่วมกันในสื่อออนไลน์โดยไร้กำแพงขวางกั้นเท่านั้น หากแต่ยังได้ยื่นมือช่วยไขข้อข้องใจในเรื่องต่างๆที่เดิมทีหาคำตอบไม่ได้ เกิดสภาวะ”ปลอดม่านบัง”ความจริงแท้ระหว่างคนสองชาตินี้โดยพลัน
สภาวะ”ปลอดม่านบัง” ในการสื่อสารระหว่างกันเช่นนี้ นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่”ประวัติศาสตร์” มอบให้โดยแท้ ยากที่ใครจะขวางได้ ยกเว้นยกเลิกทำลายระบบการสื่อสารยุคใหม่ของโลกไปเลย
ทว่า ณ วันนี้ ความพยายามปิดกั้นมิให้ชาวโลกสื่อสารถึงกันโดยตรงแบบ” ไร้ม่านบัง” นั้น ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลใดๆก็ตาม ดูจะเป็นภารกิจสวนกระแสธารประวัติศาสตร์โดยตรง ดังนั้นแม้ภาคการเมืองอเมริกันจะงัดเอาลูกเล่นอะไรออกมาใช้ ก็จะล้มเหลวไม่เป็นท่า
ส่วนจีนนั้น ก็เดินหน้าพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศชาติ และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งนานวันก็จะยิ่งทิ้งห่างคนชาติอื่นมากขี้น ดังเช่นที่กำลังประจักษ์ในสายตาชาวโลกอยู่ในปัจจุบันนี้ ทั้งจากการเดินทางไปสัมผัสด้วยตัวเอง และจากการสื่อสารชนิด”ไร้ม่านบัง” บนแพล็ตฟอร์มอินเตอร์เน็ตเช่นที่กำลังเป็นไปใน”เสี่ยวหงซู”
ไขคำจีน
红书 หงซู หนังสือแดง