“….กระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกยุคปัจจุบัน ความสำเร็จของจีนยุคใหม่ ไม่ว่าจะพิจารณาในแง่มุมใด ในมิติหรือเงื่อนเวลาใด ในที่สุดก็จะมาลงตัวที่ “ประวัติศาสตร์” และ “ประชาชน” จีนยึดมั่นในสองสิ่งนี้เป็นสรณะ ด้วยเหตุนี้ ทุกครั้งที่จีนประสบปัญหา ก็จะไม่รีรอที่จะรีบปรับตัวเองให้เข้ากับการขับเคลื่อนของกงล้อประวัติศาสตร์ โดยสลัดทิ้งสิ่งพะรุงพะรังทางความคิดและระบบปฏิบัติการต่างๆ ทิ้งไปโดยไว ในยุคปฏิวัติ “เหมา เจ๋อตง” พาประชาชนชาวจีนเปลี่ยนแปลงประเทศจีนครั้งใหญ่ “เติ้งเสี่ยวผิง” ก็พาประเทศจีนหลุดออกจากระบบเศรษฐกิจ วางแผนเชื่อมตนเองเข้ากับระบบเศรษฐกิจโลก จะเห็นได้ว่า ยุค “เหมา เจ๋อตง”สลัดทิ้งระบอบศักดินาของจีนที่ดำรงอยู่อย่างมั่นคงกว่า 2000 ปี ขณะที่ “เติ้ง เสี่ยวผิง” สลัดทิ้งระบบเศรษฐกิจวางแผนแบบสหภาพโซเวียตทิ้งไป และในวันนี้ สิ่งที่กำลังประจักษ์แก่สายตาเราก็คือ “สี จิ้นผิง” กำลังพาชาวโลกโล๊ะทิ้งระบอบทุนนิยมโลกที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องร่วม 500 ปี มุ่งพาชาวโลกก้าวไปสู่ยุคใหม่ โดยถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง จึงเชื่อได้ว่า จีนจะพาชาวโลกเคลื่อนตัวไปตามกระแสประวัติศาสตร์นี้ได้อย่างเป็นจริง จากยุคทุนเป็นใหญ่สู่ยุคประชาชนเป็นสุข….”

ผู้มอบชัยชนะให้จีน 中国至胜之道
เมื่อเรามองกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกยุคปัจจุบัน จะเห็นปรากฏการณ์ที่ประเทศจีนเดินหน้าพัฒนาประเทศได้ตามแผนทุกขั้นตอน ขณะที่ประเทศอื่นๆ เกือบทั้งโลก พากันตกต่ำระส่ำระสายด้วยสาเหตุต่างๆ ทั้งจากภายนอกและภายใน ยกเว้นบางประเทศ เช่น สิงคโปร์ ที่ยังสามารถเลี้ยงตัวเองบนความไม่แน่นอนของโลกได้อย่างชาญฉลาด รู้ทัน
จากการติดตามศึกษาเรื่องจีนมาตลอด การทำงานของตนเอง ผู้เขียนขอมองข้ามสาเหตุทั่วไปในความสำเร็จของจีน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจการผลิต การเมืองการปกครองและอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นผลของสาเหตุเบื้องต้นที่ผู้เขียนจะนำเสนอ
สาเหตุเบื้องต้นของความสำเร็จของจีนยุคใหม่ ไม่ว่าจะพิจารณาในแง่มุมใด ในมิติหรือเงื่อนเวลาใด ในที่สุดก็จะมาลงตัวที่ “ประวัติศาสตร์” และ “ประชาชน”
โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่แสดงบทบาทเป็นปัจจัยขับเคลื่อนประเทศ จีนยึดมั่นในสองสิ่งนี้เป็นสรณะ ชี้นำวิธีคิดวิธีทำงานของตนด้วยการ “ยืนอยู่บนความถูกต้องของประวัติศาสตร์” และ “ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง”อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น
เช่นนี้แล้ว การปฏิบัติของพรรคฯ จีน ก็แน่วแน่มั่นคง เปรียบเหมือนการเดินเรือที่กำหนดทิศทางแน่นอน แล่นฝ่าคลื่นลมอย่างแน่วแน่
การยึดปฏิบัติเช่นนี้ของพรรคฯ จีน เป็นไปตามแนวคิดอุดมการณ์พื้นฐานของพวกเขา ที่ปลูกฝังไว้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรค นั่นคือการยึดมั่นในหลักปรัชญาชี้นำที่ว่า วิวัฒนาการของมวลมนุษยชาติดำเนินไปตามกฎเกณฑ์ที่แน่นอน ด้วยแรงผลักดันของพลังการผลิต ประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์แม้จะขับเคลื่อนไปบนเส้นทางที่คดเคี้ยว แต่ก็จะไม่ถอยหลัง ดังนั้น การยืนอยู่บนความถูกต้องของประวัติศาสตร์เท่านั้นจึงจะเป็นหลักประกัน ในการพาตนเองก้าวไปสู่อนาคตที่สดใส
ด้วยเหตุนี้ ทุกครั้งที่จีนประสบปัญหา ก็จะไม่รีรอที่จะรีบปรับตัวเองให้เข้ากับการขับเคลื่อนของกงล้อประวัติศาสตร์ โดยสลัดทิ้งสิ่งพะรุงพะรังทางความคิดและระบบปฏิบัติการต่างๆ ทิ้งไปโดยไว

ในยุคปฏิวัติ “เหมา เจ๋อตง” พาประชาชนชาวจีนเปลี่ยนแปลงประเทศจีนครั้งใหญ่ เพื่อประสานจีนเข้ากับระบอบสังคมแบบใหม่ของโลก นั่นคือระบอบสังคมนิยม โดยการเชิดชูลัทธิมาร์กซ์ชี้นำ
และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเร่งพัฒนาเศรษฐกิจสร้างความทันสมัยให้แก่ประเทศจีน “เติ้ง เสี่ยวผิง” ก็พาประเทศจีนหลุดออกจากระบบเศรษฐกิจ วางแผนเชื่อมตนเองเข้ากับระบบเศรษฐกิจโลกที่กลุ่มประเทศตะวันตกคุมเกม โดยรักษาไว้เพียงระบอบการเมืองที่มีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้บริหารประเทศ

ตามครรลองนี้ ในยุค “สี จิ้นผิง” เมื่อประเทศจีนเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจแล้ว พรรคฯ จีน ก็ปรับตัวเองขึ้นมาเป็นหัวหอกของขบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมโลกไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยการสร้างเครือข่ายพัฒนาเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกเป็นฐานรองรับ

จะเห็นได้ว่า “ยุคเหมาเจ๋อตง” สลัดทิ้งระบอบศักดินาของจีนที่ดำรงอยู่อย่างมั่นคงกว่า 2000 ปี ขณะที่ “เติ้ง เสี่ยวผิง” สลัดทิ้งระบบเศรษฐกิจวางแผนแบบสหภาพโซเวียตทิ้งไป
และในวันนี้ สิ่งที่กำลังประจักษ์แก่สายตาเราก็คือ “สี จิ้นผิง” กำลังพาชาวโลกโล๊ะทิ้งระบอบทุนนิยมโลกที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องร่วม 500 ปี
มุ่งพาชาวโลกก้าวไปสู่ยุคใหม่ที่ชาวโลกร่วมกันสร้างอนาคตร่วมกัน โดยถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง
จากนี้ ประวัติศาสตร์มนุษยชาติก็จะก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง จากยุคโลกาภิวัฒน์ที่ถือเอาทุนเป็นศูนย์กลาง สู่ยุคโลกาภิวัฒน์ที่ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง
จึงไม่แปลก ที่เราจะรู้สึกฉงนฉงายใจอยู่ไม่คลายว่า ในการขับเคี่ยวต่อกรกันระหว่างกลุ่มประเทศทุนนิยมตะวันตก ที่มีสหรัฐฯ เป็นหัวโจก กับกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มีจีนเป็นแกนนำ ผลมักจะลงเอยที่ชัยชนะของฝ่ายหลัง
และจึงไม่ต้องสงสัยในความถูกต้องของคำวินิจฉัยของ “สี จิ้นผิง” ที่ว่า “โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่ตะวันออกลอยสูง ตะวันตกคล้อยต่ำ”
สรุปคือ การผงาดขึ้นของโลกตะวันออก และความตกต่ำของโลกตะวันตก เป็นไปตามกฎเกณฑ์การพัฒนาของประวัติศาสตร์ ที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นได้
จีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เชื่อในกฎเกณฑ์นี้และยึดมั่นทำการเปลี่ยนแปลงตัวเองตามกฎเกณฑ์นี้เสมอมา จึงไม่ตกกระแสประวัติศาสตร์ และประสบแต่ชัยชนะ
จึงเชื่อได้ว่า จีนจะพาชาวโลกเคลื่อนตัวไปตามกระแสประวัติศาสตร์นี้ได้อย่างเป็นจริง
จากยุคทุนเป็นใหญ่สู่ยุคประชาชนเป็นสุข
ไขคำจีน
至胜之道
จื้อเซิ่งจือต้าว หนทางสู่ชัยชนะ