“….ยุคแรกๆ ของการสร้างพรรค เมื่อ “เหมา เจ๋อตง” ใช้หลักคิดที่ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง ดำเนินการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านความคิด วิธีการ ตลอดจนการประพฤติปฏิบัติตนของมวลสมาชิกพรรคให้สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของภารกิจสูงสุดของพรรคฯ ในห้วงประวัติศาสตร์ดังกล่าวของจีน ความคิดที่นำเสนอโดย “เหมา เจ๋อตง” จึงกลายเป็นหลักประกันชัยชนะให้แก่ภารกิจปฏิวัติประเทศจีน “เติ้ง เสี่ยวผิง” และคณะผู้นำพรรคฯ จึงได้นำเสนอแนวคิดเปิดประเทศ ดำเนินนโยบายเชื่อมประสานประเทศจีนเข้ากับระบบเศรษฐกิจโลก จึงกลายเป็นหลักประกันในความสำเร็จของการพัฒนาปัจจุบันนี้ที่ “สี จิ้นผิง” ได้ยกระดับให้ทั่วทั้งพรรคดำเนินการ “ปฏิวัติตนเอง” ทั้งทางด้านความคิดอุดมการณ์ วิธีคิดวิธีทำงาน ที่จะเป็นต้นแบบของพรรคการเมืองชั้นนำของนานาชาติ นานาประเทศให้ทันสมัยของจีน โจทย์สำคัญที่จีนจะต้องแก้ภายหลังจากที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นจ่าฝูงในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา หรือที่ปัจจุบันเรียกกันเป็นชื่อเฉพาะว่า “กลุ่มประเทศโลกใต้” ก็คือสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตนเองทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร เพื่อเป็นหลักประกันว่า จีนพร้อมเป็นแบบอย่างที่ทุกฝ่ายมั่นใจได้ ในการเข้าร่วมโครงการริเริ่มต่างๆ ที่จีนเป็นเจ้าภาพ ไม่เว้นแม้แต่พรรคการเมืองชั้นนำของประเทศไทย ที่จะต้องเริ่มต้นด้วยการปฏิวัติจากภายในของตนเอง….”

ปฏิวัติและปฏิวัติตัวเอง 革命与自我革命
โจทย์สำคัญที่จีนจะต้องแก้ภายหลังจากที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นจ่าฝูงในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา หรือที่ปัจจุบันเรียกกันเป็นชื่อเฉพาะว่า “กลุ่มประเทศโลกใต้” ก็คือสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตนเองทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร เพื่อเป็นหลักประกันว่า จีนพร้อมเป็นแบบอย่างที่ทุกฝ่ายมั่นใจได้ ในการเข้าร่วมโครงการริเริ่มต่างๆ ที่จีนเป็นเจ้าภาพ เช่นโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ข้อเสนอริเริ่มร่วมกันพัฒนาทั้งโลก ข้อเสนอริเริ่มร่วมกันสร้างความมั่นคงทั้งโลก และข้อเสนอริเริ่มร่วมกันสร้างอารยธรรมโลก เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนั้นประกอบกันเข้าเป็นเส้นทางสายใหญ่ที่จะนำมวลมนุษยชาติบรรลุสู่อนาคตร่วมกัน
โดยอนาคตเบื้องหน้าที่ว่านี้ ยังไม่เคยปรากฏมาก่อนในยุคทุนนิยมครองโลก
ทั้งนี้ ตามแนวคิดของจีน สังคมโลกยุคใหม่ที่มีพลังการผลิตคุณภาพสูงใหม่ๆ ทะยอยกันออกมาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของสังคมมนุษย์อย่างรอบด้านและอย่างรวดเร็วคือเหตุปัจจัยพื้นฐานของการสร้างอนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติ
โดยจีนเป็นผู้จุดพลุนำร่องและประเทศอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วม ตั้งแต่ร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมแบ่งปันผลของความสำเร็จที่เกิดขึ้นในทุกมิติและขั้นตอน
ภาพอนาคตที่จะปรากฏก็คือ จีนจะยิ่งเจริญรุ่งเรือง เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศทั่วโลก ขณะที่ทั่วทั้งโลกก็จะสามารถยกระดับความเจริญของตัวเองสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
โดยภาพรวมก็คือ ทั่วทั้งโลกจะอบอวลไปด้วยบรรยากาศของความศิวิไลซ์ในยุคของความทันสมัยที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ตั้งแต่การคิด การปฏิบัติ และการรับผลพวงที่ตามมา
ทั้งหมดที่บรรยายมา มิใช่ความฝันเฟื่อง หรือความเพ้อเจ้อของคนจีน รัฐบาลจีน หรือพรรคฯ จีนแต่ประการใด เพราะการประพฤติปฏิบัติของพวกเขาในทุกวันนี้ มีความสอดคล้องไปในทางเดียวกัน ในอันที่จะทำให้ภาพแห่งอนาคตเช่นนี้ปรากฏเป็นจริง
ทว่า ภาพแห่งอนาคตที่ว่านี้ มีขึ้นมาได้อย่างไร? บนฐานคิดอะไร?
สำหรับผู้เขียนแล้ว ขอเจาะหาคำตอบไปยังความเป็นพรรคปฏิวัติที่เป็นตัวแทนผลประโชน์ของคนส่วนใหญ่ที่ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ดำเนินการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของสังคมและความอยู่ดีกินดีของประชาชน โดยกำหนดภารกิจสูงสุดของการเคลื่อนไหวปฏิวัติอย่างสอดคล้องกับความเป็นจริง ทั้งไม่ล้ำเกินและไม่ล้าหลังความเป็นจริง
คุณสมบัติพื้นฐานประการนี้ของพรรคฯ จีน แสดงออกอย่างชัดเจนตั้งแต่ยุคแรกๆ ของการสร้างพรรค เมื่อ “เหมา เจ๋อตง” ใช้หลักคิดที่ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง ดำเนินการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านความคิด วิธีการ ตลอดจนการประพฤติปฏิบัติตนของมวลสมาชิกพรรคให้สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของภารกิจสูงสุดของพรรคฯ ในห้วงประวัติศาสตร์ดังกล่าวของจีน

แนวคิดและแนวปฏิบัติเช่นนี้ของ “เหมา เจ๋อตง” ได้รับการยอมรับภายในพรรคฯ สามารถเอาชนะแนวคิดผิดๆ ที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์การปฏิวัติในขณะนั้นหลายครั้งหลายครา
ความคิดที่ถูกต้องที่นำเสนอโดย “เหมา เจ๋อตง” จึงกลายเป็นหลักประกันชัยชนะให้แก่ภารกิจปฏิวัติประเทศจีน
ในทำนองเดียวกัน การปรับแนวคิดให้สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของจีนในช่วงการพัฒนาประเทศให้ทันสมัยรอบด้าน นับเป็นภารกิจเบื้องต้นของ “เติ้ง เสี่ยวผิง” และคณะผู้นำพรรคฯ จึงได้นำเสนอแนวคิดเปิดประเทศ ดำเนินนโยบายเชื่อมประสานประเทศจีนเข้ากับระบบเศรษฐกิจโลก ระดมปัจจัยทุนและวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีชั้นนำของโลกเข้าเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการผลิตจีน

แนวคิดที่ถูกต้องของพรรคฯ จีนที่นำเสนอโดย “เติ้ง เสี่ยวผิง” จึงกลายเป็นหลักประกันในความสำเร็จของการพัฒนาประเทศให้ทันสมัยของจีน
กระบวนการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงโลกที่มีจุดเริ่มต้นจากการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงความคิดภายในให้สอดคล้องกับความเรียกร้องของความเป็นจริงที่กำลังเป็นอยู่ในแต่ละขั้นตอนของการขับเคลื่อนของกงล้อประวัติศาสตร์ เช่นที่กำลังเป็นไปในพรรคฯ จีน ปัจจุบันนี้กำลังได้รับการส่งเสริมให้ดำเนินไปอย่างกว้างขวาง โดย “สี จิ้นผิง” ได้ยกระดับให้ทั่วทั้งพรรคดำเนินการ “ปฏิวัติตนเอง” ทั้งทางด้านความคิดอุดมการณ์ วิธีคิด วิธีทำงาน และท่วงทำนองการแสดงออก เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของความเป็นพรรคการเมืองชั้นนำของจีน ที่จะเป็นต้นแบบของพรรคการเมืองชั้นนำของนานาชาติ

ไม่เว้นแม้แต่พรรคการเมืองชั้นนำของประเทศไทย ที่จะต้องเริ่มต้นด้วยการปฏิวัติจากภายในของตนเอง
ไขคำจีน
自我革命 จื้อหว่อเก๋อมิ่ง ปฏิวัติตนเอง