ท่ามกลางความอดอยากหิวโหยของผู้คนในฉนวนกาซา ภาพประชาชนเบียดเสียดแย่งอาหาร กลายเป็นความสะเทือนใจคนทั้งโลก จนถึงวันเสาร์ 24 พ.ค.2025 พบว่าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา มีปริมาณไม่ถึงร้อยละ 1 ของความต้องการพื้นฐานของประชาชนในพื้นที่
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุว่า ความช่วยเหลือทั้งหมดที่ได้รับอนุญาตจนถึงปัจจุบัน เปรียบได้กับน้ำหนึ่งช้อนชา ในยามที่ผู้คนต้องการความช่วยเหลือเท่ากระแสน้ำหลาก
แม้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อิสราเอลจะเห็นด้วยกับการผ่อนปรนการปิดล้อมเป็นเวลา 3 เดือน และอนุญาตให้ความช่วยเหลือบางส่วนเข้าสู่ฉนวนกาซาได้ แต่เมื่อวันศุกร์ 23 พ.ค. มีรถบรรทุกเพียง 100 คันเท่านั้นที่เข้ามาถึงฉนวนกาซา ทั้งที่ความจริงควรจะมีรถบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือและเชื้อเพลิงอย่างน้อย 46,200 คัน เพื่อรองรับความต้องการขั้นต่ำของประชาชน
จีนกลายเป็นความหวังช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งจีนสนับสนุนให้มีการเปิดเวทีประชุมระหว่างประเทศ ว่าด้วยสันติภาพตะวันออกกลาง เพื่อยุติสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า ตะวันออกกลางเป็นดินแดนที่มีโอกาสสูงมาก ในด้านการพัฒนาในต่างๆ แต่น่าเสียดายที่สงครามปะทุขึ้นในภูมิภาคนี้ พร้อมย้ำว่า สงครามไม่ควรจะเกิดขึ้นอย่างไม่มีวันจบสิ้น โดยจีนสนับสนุนให้มีการใช้หลัก 2 รัฐ เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาดินแดนพิพาท อิสราเอล-ปาเลสไตน์
รัฐบาลจีนบริจาคเงิน 500 ล้านหยวน (หรือ 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤตด้านมนุษยธรรมในเขตฉนวนกาซา ทำให้ตัวเลขรวมของโครงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของจีน สำหรับเขตฉนวนกาซาอยู่ที่ 600 ล้านหยวน (หรือ 84 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
นอกจากนี้ จีนยังบริจาคเงินอีก 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางาน ของสหประชาชาติ สำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) เพื่อสนับสนุนโครงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเร่งด่วน สำหรับเขตฉนวนกาซา
สี จิ้นผิง ย้ำว่า จีนยึดมั่นในแนวคิด “ความสามัคคีคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด” เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความทุกข์ทรมาน อันเกิดจากสงครามและความวุ่นวาย หลังการสถาปนาจีนใหม่ รัฐบาลจีนจึงดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระและสันติมาโดยตลอด ไม่ว่าจะพัฒนาก้าวหน้ามากเพียงใด ก็จะไม่แสวงหาการเป็นเจ้าโลก ไม่ขยายอาณาเขต ขอบเขตอิทธิพล และไม่แข่งขันสะสมอาวุธ