การประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ หรือ GCC และจีน เมื่อวันอังคารที่ 27 พฤษภาคม 2568 ณ ประเทศมาเลเซีย แสดงให้เห็นว่าอาเซียน กำลังมองหาวิธีปกป้องเศรษฐกิจของตน จากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ในฐานะเจ้าภาพการประชุม กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงในระเบียบภูมิรัฐศาสตร์กำลังเกิดขึ้น” พร้อมย้ำว่า อนาคตของเรา ต้องการรากฐานที่ยั่งยืนและครอบคลุม การบูรณาการของอาเซียน จะต้องเน้นที่ประชาชนอย่างแท้จริง ยกระดับมาตรฐานการครองชีพ ตลอดจนการลงทุนในจิตวิญญาณ และศักยภาพของพลเมืองทุกคน
ด้าน ฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า จีนและกัมพูชาบรรลุผลลัพธ์เชิงบวก ร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศ ดำเนินมาตรการที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย
ขณะที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทานโลก ทำให้การขยายความร่วมมือระหว่างภูมิภาค มีความสำคัญมากขึ้น
เช่นเดียวกับ ปวน มหารานี ประธานสภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซีย กล่าวว่า จิตวิญญาณแห่งบันดุง ยึดมั่นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ร่วมส่งเสริมเสถียรภาพ สันติภาพ และการพัฒนาของโลก
หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวถึงความมุ่งหวังของจีน ที่จะเสริมสร้างการสื่อสารและความร่วมมือกับกลุ่มประเทศสมาชิก คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ และอาเซียน เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และเสถียรภาพในเอเชีย พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในการสนับสนุนผลประโยชน์ของกลุ่มประเทศโลกใต้
หลี่มองว่าการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับและจีน ถือเป็นโอกาสสำหรับเป้าหมายดังกล่าว เพื่อหลุดพ้นจากลัทธิเอกภาคีนิยม การกีดกันทางการค้า และการเมืองแบบใช้อำนาจ