วันอังคาร, ตุลาคม 21, 2025
หน้าแรกการเมืองสืบการเมือง"เรืองไกร" ชำแหละยับ! ชี้เพื่อไทย...

“เรืองไกร” ชำแหละยับ! ชี้เพื่อไทย “พัง” เพราะ “รวมศูนย์อำนาจชินวัตร”

“…ไม่ใช่แค่ “คลิปอังเคิล” ที่กำลังฆ่าเพื่อไทย! เบื้องหลังอาการ “เลือดไหลไม่หยุด” พ่ายซ่อม 2 สนามรวด และ สส. ทยอยทิ้งรัง… “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” อดีตคนในบ้านเก่า มองทะลุปัญหา ชี้ว่านั่นเป็นเพียง “ผลเสีย” ปลายเหตุ แต่ “จุดตาย” ที่แท้จริง หรือ “มะเร็งร้าย” ที่กัดกินพรรคจน “ระส่ำหนัก” มันหยั่งรากลึกและน่ากลัวกว่าที่คิด……”

ผ่าอาณาจักรเพื่อไทย “รวมศูนย์” คือจุดตาย

“เรื่องการบริหารเรื่องรวมศูนย์เนี่ย น่าจะเป็นหลักมากกว่า” เรืองไกร เริ่มต้นวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมา เขาชี้ว่าจุดอ่อนของเพื่อไทยในปัจจุบันคือการบริหารที่รวมศูนย์อำนาจไว้ในมือของตระกูลชินวัตรเป็นหลัก

ส่วน “คลิปอื้อฉาว” ที่เกิดขึ้นนั้น เรืองไกร มองว่าเป็น “ผลเสีย” ที่ตามมา ไม่ใช่ “ผลพลอยได้” สะท้อนให้เห็นว่าการผลักดันผู้นำรุ่นใหม่อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นมานั้น “ยังผ่านร้อนผ่านหนาวไม่มากพอ” จึงเกิดความผิดพลาดขึ้น

เขายอมรับว่าในอดีต “ตระกูลชินวัตร” อาจเคยเป็นจุดแข็ง แต่ปัจจุบันกลยุทธ์และการใช้บุคคล (เช่น คุณเศรษฐา) กลับกลายเป็นการ “ปิดตัวเอง” ประกอบกับการบริหารภายในที่ “ไม่เหมือนเดิม” ซึ่งเขาได้ยินเสียงบ่นเรื่องนี้มาตั้งแต่ 2 ปีก่อน ทำให้คนในพรรคเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ จนนำไปสู่ปรากฏการณ์ “เลือดไหล” ที่เห็นได้ชัด

ศักดิ์ดา คงเพชร

สัญญาณล่มสลาย “ศักดิ์ดา” โมเดล

เรืองไกรชี้ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวสำหรับเพื่อไทย โดยยกกรณี “ศักดิ์ดา คงเพชร” ที่ย้ายพรรคไปภูมิใจไทยและส่งลูกสาวลงเลือกตั้งซ่อมชนะขาดลอย

“ในอดีต ใครย้ายออกจากเพื่อไทยมักไม่ประสบความสำเร็จ แต่ครั้งนี้ต่างออกไป”

เรืองไกรวิเคราะห์ว่า ชัยชนะนี้ไม่ใช่กระแสของภูมิใจไทย แต่เป็น “ฝีมือ” และ “ฐานเสียงส่วนตัว” ของคุณศักดิ์ดา ที่เตรียมการมานาน

“การที่ลูกสาวลงสมัครได้ แปลว่าต้องเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยมาเกิน 90 วันแล้ว” นี่คือหลักฐานที่ชี้ว่ามีการวางแผนย้ายพรรคมาล่วงหน้า สะท้อนว่า สส. เริ่มมองหาที่ใหม่ และฐานเสียงในพื้นที่ก็พร้อมจะ “ย้ายตามตัวบุคคล” ไม่ได้ยึดติดกับพรรคเพื่อไทยอีกต่อไป

“กระแสเพื่อไทยไม่ได้ค่อยๆ ถอย แต่ถอยในอัตราเร่ง” เรืองไกรย้ำ “ขนาดเชียงใหม่ ที่เป็นบ้านเกิดคุณทักษิณ ยังแพ้ให้พรรคส้ม (ก้าวไกล/ประชาชน)” เขาชี้ว่าเพื่อไทยวันนี้เหลือแต่ “คนกินบุญเก่า” ขาด “มันสมอง” และคนรุ่นใหม่ก็ “ไม่มีแสง” เมื่อเทียบมวยกับพรรคประชาชน

อุ๊งอิ๊ง” ปิดฉากแคนดิเดตนายกฯ

ประเด็นที่น่าสนใจที่สุด คือการประเมินสถานการณ์หากมีการยุบสภา (ซึ่งเรืองไกรเชื่อว่าเกิดก่อน 31 มกราคม 2569 แน่นอน) เมื่อเทียบระหว่าง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่อาจหวนคืนพรรคประชาธิปัตย์ กับ “แพทองธาร ชินวัตร”

“คุณแพทองธาร ไม่สามารถเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้แล้ว” เรืองไกรฟันธง “โดยคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ (กรณีคลิป) รัฐธรรมนูญเปลี่ยนฐานแล้ว… เป็นไม่ได้แล้ว”

แม้คุณแพทองธารจะยังเป็นหัวหน้าพรรคได้ แต่การเป็นแคนดิเดตนายกฯ นั้นจบลงแล้ว ทำให้เพื่อไทยต้องกลับไปหาตัวเลือกในตระกูลคนอื่น เช่น ลูกเขย (สามีคุณเอม) หรือ ลูกชายคุณสมชาย-คุณเยาวภา ส่วนชื่อ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” นั้น เรืองไกรชี้ว่า “เป็นไปไม่ได้” เพราะพรรคเพื่อไทยเข็ดกับการใช้ “คนนอก” อย่าง “สมัคร สุนทรเวช” มาแล้ว

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ

วิเคราะห์เกมฝ่ายค้าน ถามทำไมไม่ใช้ “ไม้ตาย”

เรืองไกรยังตั้งข้อสังเกต “แปลกใจ” ต่อท่าทีของทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้าน ที่มีข้อมูลโจมตีรัฐบาลมากมาย แต่กลับเลือกใช้เวทีสื่อ หรือการโพสต์ แทนที่จะใช้ “เครื่องมือตามรัฐธรรมนูญ”

เขาท้าว่าทำไมไม่ใช้ “มาตรา 82” (การเข้าชื่อ 1 ใน 10 ยื่นศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง) เพื่อตรวจสอบคุณสมบัตินายกฯ หรือรัฐมนตรี ซึ่งการยื่นช่องทางนี้ “นายกฯ ชิงยุบสภาไม่ได้”

แต่ฝ่ายค้านกลับ “เตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ” (มาตรา 151/152) ซึ่งเรืองไกรรู้ทันว่า “ถ้าคุณเข้าชื่อปุ๊บ… เขาก็ชิงยุบก่อน” เขาจึงตั้งคำถามว่าฝ่ายค้านกำลังเล่นเกมอะไร หรือมีการ “คุยอะไรเบื้องหลัง” หรือไม่

จับตา 2 คดีใหญ่: 144 “ดิจิทัลวอลเล็ต” และ 44 สส. ประชาชน

ในส่วนของคดีการเมืองใหญ่ เรืองไกรให้ทัศนะที่สวนกระแส:

  1. คดีมาตรา 144 (โยกงบ 35,000 ล้าน ทำดิจิทัลวอลเล็ต): ที่ 45 นักร้องดังไปยื่น ป.ป.ช. นั้น เรืองไกรมองว่า “ไปไม่ได้” เพราะศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งวางบรรทัดฐานในคดี “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” ว่า มาตรา 144 ใช้ได้เฉพาะกับ “ร่างกฎหมายที่ยังพิจารณาอยู่” (แบบงบปี 69) แต่งบ 35,000 ล้านนั้น มาจาก “งบปี 68 ที่เป็นกฎหมายบังคับใช้ไปแล้ว” ป.ป.ช. จึงไม่น่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญได้
  2. คดี 44 สส. พรรคประชาชน (แก้ ม.112): เรืองไกรเตือนให้ “จับตาคดีนี้ให้ดี” เขาระบุว่าที่เขาเงียบไป 2-3 เดือน เพราะติดตามเคสนี้อยู่ และการที่ล่าสุด ป.ป.ช. “ตีตก” ข้อโต้แย้งเรื่องการขัดแย้งของกรรมการ ป.ป.ช. ที่ 44 สส. ยื่นคัดค้าน “นั่นแสดงว่า… โอกาสที่จะชนะ (ของ สส.) ริบหรี่เหลือเกิน”

เรืองไกรทิ้งท้ายว่า สัญญาณนี้ชัดเจนว่า ป.ป.ช. “เตรียมสรุปแล้ว” และพรรคประชาชน “รู้แก่ใจตัวเองอยู่แล้ว” ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร

Get notified whenever we post something new!

spot_img

Create a website from scratch

Just drag and drop elements in a page to get started with Newspaper Theme.

Continue reading

“เลือดสีฟ้า” มันข้น!

“...การกลับมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" กำลังสั่นสะเทือนภูมิทัศน์การเมืองไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่เคยเป็นฐานเสียงหลัก ท่ามกลางกระแสวิเคราะห์ว่านี่อาจเป็น "แพลนบี" ของค่ายอนุรักษ์นิยม และการคัมแบ็กครั้งนี้จะสร้างความยากลำบากให้กับ "ภูมิใจไทย" ที่กำลังมาแรงได้มากน้อยเพียงใด...” https://youtu.be/GdtaFC6HU6c "สืบการเมือง" สนทนากับ "สาธิต วงศ์หนองเตย" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้านยุทธศาสตร์การเมือง เพื่อเจาะลึกเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งสำคัญ และทิศทางของพรรคสีฟ้าในวันที่ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง "เลือดสีฟ้า" สู่การคัมแบ็กในยามวิกฤต คุณสาธิต เริ่มต้นด้วยการย้ำถึงจุดยืนของคุณอภิสิทธิ์ว่า "กรีดเลือดยังไงก็เป็นสีฟ้า" หลังเว้นวรรคทางการเมืองไปนานกว่า 6 ปี การกลับมาครั้งนี้เกิดขึ้นหลัง คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ประกอบกับกระแสเรียกร้องในสังคม (เช่น บทวิเคราะห์ของ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ที่เสนอว่า "คืนพรรคประชาธิปัตย์ให้อภิสิทธิ์") และเสียงสนับสนุนจากคนในพรรค "คุณอภิสิทธิ์มีใจอยู่แล้ว ท่านก็ตัดสินใจจะกลับมา พร้อมกับที่คนในพรรคหลายคนก็โทรไปพูดคุยกับท่าน... แนวความคิดของคุณอภิสิทธิ์ถ้ากลับมารอบนี้...

แก่นแท้ความสำเร็จ “จีนยุคใหม่”“ปลดปล่อยมวลชน” “จัดตั้งมวลชน”“รวมศูนย์กำลังทำงานใหญ่”

“….แก่นแท้ของความสำเร็จของจีนยุคใหม่ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่พลิกตัวเองจากสังคมล้าหลังเป็นสังคมก้าวหน้า ด้วยแนวคิดชี้นำที่ว่า"มวลชนคือวีรชนที่แท้จริง" มุ่งสร้างระบบระบอบที่เอื้อต่อการรวมพลังมวลชนทำงานใหญ่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหมาเจ๋อตง ได้ทำการปลดปล่อยชาวนาชาวไร่ให้พ้นจากแอกเจ้าที่ดิน และอิทธิพลของมหาอำนาจตะวันตก เติ้งเสี่ยวผิงได้นำประชาชนจีนลุกขึ้นสร้างความทันสมัยให้ประเทศจีน ด้วยการดำเนินนโยบายปฏิรูปและเปิดกว้าง ปลดปล่อยประชาชนชาวจีนให้สามารถสร้างความมั่งคั่งให้แก่ตนเอง แล้วนำพาคนจีนที่เหลืออยู่ให้มั่งคั่งตามไปด้วย เพียงสองสามทศวรรษให้หลังเท่านั้น จีนก็ผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ สามารถทำให้คนจีน"รวยขึ้นมาได้"ตามเป้าหมาย มาถึงจีนวันนี้ สีจิ้นผิงได้ติดอาวุธทางความคิดที่มุ่งเน้นวิทยาการสมัยใหม่ ในการร่วมกันสร้างสิ่งใหม่ๆ นั่นคือ ประเทศจีน"เข้มแข็งขึ้นมาแล้ว" จาก "ลุกขึ้นยืน" เป็น"มั่งคั่งขึ้นมา" จนถึง"เข้มแข็งขึ้นมา" จีนใช้เวลาเพียง75ปี ก็ทำได้สำเร็จด้วย"ยาวิเศษ - แนวทางมวลชน" นี้ ดำเนินการ"ปลดปล่อยมวลชน จัดตั้งมวลชน" ในทุกกาลสมัย ในที่สุดก็จะไปลงเอยที่ผลประโยชน์ของประชาชน ซึ่งกระบวนการ" เริ่มจากมวลชน กลับไปสู่มวลชน" นี้ เมื่อขยายไปสู่ระดับทั้งโลก ก็ย่อมสามารถจุดประกายแห่งความหวังได้เป็นอย่างดี….” https://youtu.be/36Dru_6z16w ปลดปล่อยมวลชน จัดตั้งมวลชน...

“ธีระชัย” นำทัพ พปชร. ชำแหละแผนล้างหนี้

https://youtu.be/ERKYE36cRRI “...ขณะที่รัฐบาลเร่งเครื่องแผนล้างหนี้ NPL กว่า 1.2 แสนล้านบาท พรรคพลังประชารัฐกลับเบรกดังเอี๊ยด! ชี้ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด "ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล" รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ผ่านวิกฤตต้มยำกุ้ง 40 ออกโรงทักท้วงอย่างรุนแรงว่า แผนตั้ง AMC ใหม่ด้วยเงิน 10,000 ล้านบาทนี้ ไม่เพียงแต่ "อุ้มผิดฝาผิดตัว" อย่างชัดเจน ด้วยการนำเงินที่ "แบงก์" จ่าย ไปอุ้ม "นอนแบงก์" และยังสุ่มเสี่ยง "ผิดกฎหมาย" แต่ยังเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ โดย พปชร. ย้ำว่า ทางออกที่แท้จริงและยั่งยืนเพื่อปลดหนี้ครัวเรือน คือการแก้ที่ต้นตอของปัญหาค่าครองชีพ ผ่านการ "รื้อโครงสร้างพลังงาน" และ "ทลายการผูกขาด"...

Enjoy exclusive access to all of our content

Get an online subscription and you can unlock any article you come across.