ขยายผลยึดทรัพย์ 1.01 หมื่นล้าน
งัดมาตรการเข้มสแกน “เจ้าของที่แท้จริง”
สกัดแก๊งโกงฟอกเงินผ่านตลาดหุ้น

ท่ามกลางวิกฤตอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่กัดกินเศรษฐกิจไทย ล่าสุด “เส้นทางเงินสีเทา” ของเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติกำลังถูกไล่ต้อนจนมุม เมื่อสองหน่วยงานยักษ์ใหญ่ด้านการเงินอย่าง ปปง. และ ก.ล.ต. ประกาศผนึกกำลังครั้งสำคัญ เปิดปฏิบัติการเชิงรุกแลกเปลี่ยนข้อมูลลับ นำไปสู่การขยายผลยึดและอายัดทรัพย์สินครั้งมโหฬารกว่า 10,165 ล้านบาท พร้อมประกาศสงครามล้างบางช่องโหว่ในตลาดทุน เตรียมสังคายนากฎเกณฑ์ตรวจสอบธุรกรรมครั้งใหญ่ เพื่อไม่ให้ตลาดหุ้นและสินทรัพย์ดิจิทัลกลายเป็น “เครื่องซักล้าง” เงินสกปรกของอาชญากรอีกต่อไป!
เจาะลึกเบื้องหลังปฏิบัติการกวาดล้างทุนสีเทา
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. เกิดความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ ณ ห้องประชุมระดับสูง เมื่อ นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยกทัพผู้บริหารหารือร่วมกับ นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) วาระเร่งด่วนคือการ “บูรณาการข้อมูล” เพื่อจัดการกับเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ปรับตัวใช้ตลาดทุนเป็นแหล่งฟอกเงิน
ขยายผลยึดทรัพย์ 1 หมื่นล้าน: สัญญาณเตือนภัยแก๊งมิจฉาชีพ
ตัวเลขความเสียหายและการยึดทรัพย์ที่เปิดเผยออกมาล่าสุด สร้างแรงสั่นสะเทือนมหาศาล คณะกรรมการธุรกรรมของ ปปง. มีมติยึดและอายัดทรัพย์สินที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 10,165 ล้านบาท
แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่ามูลค่าทรัพย์สิน คือ “วิธีการ” ของคนร้าย ปปง. พบว่าเส้นทางเงินเหล่านี้กำลังไหลเข้าสู่ภาคการลงทุนและสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้การส่งต่อข้อมูลธุรกรรมต้องสงสัยให้ ก.ล.ต. รับช่วงต่อ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการลากคอผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายหลักทรัพย์ฯ



อุดรอยรั่วตลาดทุน: 3 มาตรการเหล็กเตรียมบังคับใช้
ผลจากการหารือ ทั้งสองหน่วยงานเห็นพ้องต้องกันว่า กฎหมายที่มีอยู่อาจไล่ตามอาชญากรยุคดิจิทัลไม่ทัน จึงเตรียมผลักดันการยกระดับเครื่องมือตรวจสอบ 3 ด้านสำคัญ:
- Travel Rule (กฎการเดินทางของข้อมูล): ผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นตัวกลางทางการเงิน ต้องส่งข้อมูลผู้ต้นทางและปลายทางไปพร้อมกับการโอนเงิน เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางได้ตลอดสาย
- Ultimate-Beneficiary (กระชากหน้ากากเจ้าของตัวจริง): เจาะลึกโครงสร้างธุรกิจที่ซับซ้อน เพื่อหาให้เจอว่าใครคือ “ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง” ป้องกันการใช้นอมินีบังหน้า
- KYC/CDD (รู้เขารู้เรา): สร้างมาตรฐานการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าที่เข้มข้นขึ้น ชัดเจนขึ้น เพื่อคัดกรองบุคคลเสี่ยงก่อนเข้าสู่ระบบ



ผนึกกำลังเพื่อความโปร่งใส
เลขาธิการ ปปง. ทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำที่แสดงถึงความมุ่งมั่นว่า การหารือครั้งนี้คือ “การปิดช่องโหว่” ที่สำคัญที่สุด เพื่อไม่ให้ระบบการเงินของไทยตกเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ โดย ปปง. พร้อมส่งไม้ต่อด้านพยานหลักฐานให้หน่วยงานกำกับดูแล เพื่อสร้างเกราะป้องกันให้นักลงทุนและประชาชน มั่นใจได้ว่าระบบเศรษฐกิจไทยจะปลอดภัย โปร่งใส และยั่งยืน
จับตาดูต่อไปว่า การขยับตัวของ “ผู้คุมกฎ” ทั้งสอง ในครั้งนี้ จะสามารถกวาดล้างเครือข่ายบัญชีม้าและนักฟอกเงินในตลาดทุนได้ราบคาบเพียงใด แต่นับเป็นก้าวแรกที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่า “ที่ยืนของอาชญากร” ในตลาดทุนไทย กำลังจะหมดลง
#สืบจากข่าว รายงาน



