วันพุธ, เมษายน 24, 2024
หน้าแรกคอลัมนิสต์ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย“ตู่” ต้องคิดต้องทำอย่าง“ สีฯ”(ตอนหก) “กลุ่มมะกัน-บิ๊กตู่”กับ“กลุ่มสีฯ-ปูติน”?

Related Posts

“ตู่” ต้องคิดต้องทำอย่าง“ สีฯ”(ตอนหก) “กลุ่มมะกัน-บิ๊กตู่”กับ“กลุ่มสีฯ-ปูติน”?

ชาติกับประชาชนไทย โชคร้าย ที่ “นายกฯ ตู่” ยึดอำนาจรัฐนานกว่า 8 ปีแบบไม่คุ้มค่าดังควร?

ชาติกับประชาชนจีน โชคดี ที่มีผู้นำ “สีจิ้นผิง” แก้ความจนกับนำชาติเจริญเป็นที่ประจักษ์!

ชาวไทยทำได้แค่ “อดทน-ทนอด” จนกว่า “นายกฯ ตู่” จะยอมวางมือ! ส่วนชาวจีนต้องหนุนประธานาธิบดี “สีจิ้นผิง” ต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางการเมืองโลกที่แหลมคม ด้วย “มะกัน” กับพลพรรคชาติตะวันตก ยก “ชาติจีน ”ให้เป็น “ศัตรูหมายเลขหนึ่ง” ต้องโดนเตะตัดขาทั้งลับและเปิดเผย เพื่อทำให้ “มังกรจีน” สะดุดหยุดกึก ทั้งด้านเศรษฐกิจ-การเมือง-การศึกษา-วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ

เรียกว่า..“มะกัน” กับกลุ่มชาติตะวันตกสมุนของ “พญาอินทรี” สุมหัวกันใช้เล่ห์เพทุบายชั่วร้าย ยุติบทบาททางการเมืองโลกที่กำลังฟูเฟื่อง ในหลายนโยบายที่ “ชาติจีน”ให้การช่วยเหลือสนับสนุนชาติต่างๆ ทั้งการร่วมทุน การให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือการลงทุนให้ก่อน แล้วผ่อนคืนภายหลัง ฯลฯ

รัฐบาล “สีจิ้นผิง” ขยายการลงทุนด้วยเงินมหาศาล โดยเฉพาะ “แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม” หรือ “One Belt One Road” หรือ “อีต้ายอีลู่” ซึ่งเป็นโครงการทางเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก โดยจีนในยุค “สีจิ้นผิง” ได้เชิญ “ผู้นำ” จาก 29 ชาติ รัฐมนตรีกว่า 100 คน ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศกว่า 80 องค์กร นักธุรกิจระดับโลกอีกกว่า 1,200 คน มาร่วมประชุมเพื่อฉายภาพให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ ของเส้นทางการเชื่อมโยงทางการค้า การลงทุน การพัฒนาเศรษฐกิจ ความเจริญของประเทศที่เส้นทางพาดผ่าน ฯลฯ

แผนเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจของจีนกับ 65 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมจำนวนประชากรราว 4,500 ล้านคน มีจีดีพีรวมกันกว่า 23 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจีนเป็นศูนย์กลางเงินลงทุน ส่งเสริมเชื่อมโยงด้วยเครือข่ายเส้นทางบกจากจีนไปยัง 6 ระเบียงเศรษฐกิจ กับเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 จำนวน 2 เส้นทาง

ทางบก-ได้แก่ ระเบียงเศรษฐกิจยูเรเซียใหม่, ระเบียงเศรษฐกิจจีน-มองโกเลีย-รัสเซีย, ระเบียงเศรษฐกิจจีน-เอเชียกลาง-เอเชียตะวันตก, ระเบียงเศรษฐกิจจีน-คาบสมุทรอินโดจีน, ระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน และระเบียงเศรษฐกิจบังคลาเทศ-จีน-อินเดีย-เมียนมาร์

ทางทะเล-ได้แก่ ชายฝั่งตะวันออกของจีน-ทะเลจีนใต้-มหาสมุทรอินเดีย-อ่าวเปอร์เซีย-ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน-ยุโรป และชายฝั่งตะวันออกของจีน-ทะเลจีนใต้-มหาสมุทรแปซิฟิคตอนใต้

ขณะนี้จีนได้เข้าไปช่วยเหลือประเทศต่างๆ ในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค เช่น ช่วยศรีลังกาสร้างท่าเรือ ช่วยปากีสถานและอีกหลายแห่งในตะวันออกกลางสร้างถนน สร้างเส้นทางจากจีนไปรัสเซีย ทะลุไปจนถึงยุโรป อันเคยเป็นเส้นทางสายไหมในอดีต ซึ่งจีนปรับปรุงได้ไม่ยากเย็น โดยเฉพาะปัจจุบันจีนได้พัฒนาการเดินทางขนส่ง จากจีนสู่ปลายทางในยุโรป ทั้งขนคนและสินค้าจำนวนมาก กระจายสู่ชาติต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ด้วยระบบ “รถไฟความเร็วสูง”

แผนการใหญ่โตมโหฬารระดับโลก ในการขนทั้ง “คน” และ “สินค้าสารพัด” เช่นนี้ เป็น “วิสัยทัศน์” ที่จีน “สร้างฝัน” ให้ “ปรากฏ” เรียบร้อยแล้วในบางแห่งของโลก และขณะนี้จีนกำลังผลักดันทั้งระบบให้เป็นจริงโดยเร็ว

นั่นเป็น “วิสัยทัศน์” กล้าคิดกล้าทำของประธานาธิบดี “สีจิ้นผิง” ผู้นำคนปัจจุบันของชาติจีน ควบตำแหน่ง “ผู้นำสูงสุด” ของ “พรรคคอมมิวนิสต์จีน”

โดย “ผู้นำชาติจีน” เริ่มจาก “เหมาเจ๋อตุง” ตามด้วย “เติ้งเสี่ยวผิง” และผู้นำจีนอีกหลายคน ได้ทุ่มเทเปลี่ยน “จีนเก่า” ซึ่งเคยอ่อนแอล้าสมัย ให้กลายเป็น “จีนใหม่” หนึ่งในชาติมหาอำนาจโลกในวันนี้ ที่มีความทันสมัยหลากมิติ ด้วยระบบ “ดิจิทัล” ล้ำยุค..

จีน-กำลังจะเป็นชาติอันดับหนึ่งทางเศรษฐกิจของโลก! จีน-กำลังเป็นชาติซึ่งสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมากที่สุดในโลก! จีน-กำลังนำหน้าขึ้นอันดับ 1 ของโลกทางเทคโนโลยีล้ำยุค ทั้งในระบบ“โดรน”และ“ดิจิทอล”การสื่อสาร ฯลฯ

เหลือเชื่อ! หลายชาติมหาอำนาจ โดยเฉพาะ “ชาติมะกัน” หัวหน้า “แก๊งมาเฟียโลก” ต่างพากันหวาดกลัว “มังกรจีน” ที่กำลังทะยานพุ่งแซงหน้าในมิติสำคัญต่างๆ จน “อินทรีมะกัน” ต้องประกาศให้ชาติจีน เป็น “ศัตรูหมายเลขหนึ่ง” ที่ต้องถูกลดบทบาทลงให้ได้ ด้วยการตีกรอบ-ปิดล้อม-บั่นทอน-ทำลายพลังของ “ชาติจีน” เพื่อให้ “ชาติจีน” สิ้นฤทธิ์เดชโดยเร็วที่สุด..
ยิ่งพญามังกร “สีจิ้นผิง” ผู้นำชาติจีน กับพญาหมีขาว “ปูติน” ผู้นำชาติรัสเซีย ได้ผนึกประสานพลังกันอย่างเหนียวแน่น ทำให้ “แก๊งมาเฟียโลก” ทั้งหลาย ไม่อาจใช้อำนาจ “กองทัพโจรมาเฟีย” เที่ยวปล้นฆ่าชาติที่อ่อนแอกว่า ให้ตกเป็น “อาณานิคม” เพื่อแสวงหากับกอบโกยทรัพยากรอันมีค่า ได้ดังใจอย่างที่เคยอีกต่อไป

สถานการณ์โลกจึงอยู่ในสภาพตรึงกันไปมา แม้บางจุดจะเกิดศึกสงคราม ระหว่างนักล่าอาณานิคม “อินทรีมะกัน” และชาติพวกพ้อง กับ “มังกรจีน” และ “หมีขาวรัสเซีย” ที่เป็นก้างขวางคอ มิให้ “แก๊งมาเฟียโลก” ทำเรื่องชั่วช้าต่อชาติที่อ่อนแอกว่าได้ง่ายๆ

นั่นทำให้ “อินทรีมะกัน” กับ “ชาติยุโรป” ลูกสมุนชาติมะกัน ถือมังกรจีน “สีจิ้นผิง” กับหมีขาวรัสเซีย “ปูติน” เป็น “ศัตรูทางการเมืองโลก”

ในประเทศไทย.. กว่าทศวรรษที่ผ่านมา หัวหน้า “แก๊งมาเฟียโลก” กับเครือข่ายอีกหลายชาติในยุโรป ได้ร่วมมือกับบาง “พรรคการเมือง-นักวิชาการ” ฯลฯ หลอกใช้ “นักเคลื่อนไหวด้อยปัญญา” ออกมาเคลื่อนไหวให้ร้ายป้ายสีต่อ “สถาบันพระมหากษัตริย์” อย่างหนักหน่วง ผ่านสื่อสารมวลชนบางแขนง โดยหวังจะบั่นทอนทำลายโค่นล้มลงให้ได้..

เรื่องเลวร้ายระดับโลก ที่หัวโจก “มะกัน-กลุ่มชาติตะวันตก” สร้างขึ้น เกิดจากความโลภรู้จักพอ ด้วยมีกองทัพเกรียงไกรกว่า แต่สถานการณ์โลกวันนี้ ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เพราะ “จีน-รัสเซีย” ได้ผงาดขึ้นกลายเป็นชาติมหาอำนาจอีกขั้ว จนทำเอา “แก๊งมาเฟียโลก” นำโดย “กลุ่มมะกัน” ไม่พออกพอใจ ที่ไม่สามารถปล้นชาติอ่อนแอกว่าได้ดังใจเช่นในอดีต..จริงไหม?
ทั้งนี้..เพราะ “สีจิ้นผิง” ยึดถือหลักการเมืองการปกครอง ทั้งในชาติจีนและในทางสากลว่า “การเมืองคือความเที่ยงธรรม หากปฏิบัติได้อย่างเที่ยงธรรม ไม่ต้องสั่งการนั้นก็ดำเนินได้เอง หากตนเองไร้ซึ่งความเที่ยงธรรม แม้จะสั่งการก็ไม่มีใครยอมรับ”

แต่ไหนแต่ไรมา ประธานาธิบดี “สีจิ้นผิง” สรุปบ่อยๆ ว่า ..เจ้าหน้าที่จีนทุกคนต้องทำงานอย่างมือสะอาด นี่เป็นอุดมการณ์ของพรรคการเมืองมาร์กซิสต์!

เจ้าหน้าที่ระดับ “ผู้นำ” พึงทำตัวเป็นแบบอย่างของผู้ใต้บังคับบัญชา นี่เป็นจริยธรรมและเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวด ของการเมืองการปกครอง

การผลักดันข้อกำหนด 8 ประการ และการพัฒนาผู้นำส่วนกลาง ย่อมควรทำตัวเป็นแบบอย่าง เช่นนี้จะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติตาม การดำเนินนโยบายจะเป็นไปได้โดยง่าย

ในประวัติศาสตร์ของเราชาวจีน เน้นที่การกล่อมเกลาตนเองเพื่อสร้างคุณธรรม การเป็นข้าราชการต้องซื่อสัตย์สุจริต นี่เป็นแนวคิดสำคัญของนักคิดทุกยุคทุกสมัย เป็นมาตรฐานตลอดชีวิตของผู้ดำรงตำแหน่งขุนนางในอดีตและข้าราชการในปัจจุบัน

“สีจิ้นผิง” ขอให้เจ้าหน้าที่ระดับบริหารของรัฐเที่ยงธรรม ไม่เห็นแก่ตัว ทำตัวเป็นเยี่ยงอย่าง ปฏิบัติและประพฤติตรงกับคำพูด
สายตาของประชาชนกระจ่างอยู่เสมอ ไม่เพียงจะคอยดูว่า ผู้นำพูดอย่างไร ยิ่งจะจับจ้องว่าพวกเราปฏิบัติอย่างไรด้วย พึงเป็นผู้ได้รับความเชื่อถือจากมวลชนเป็นอย่างสูง และมีอิทธิพลในวงกว้าง

ปัจจัยที่สำคัญคือ ตนเองต้องทำตัวเป็นแบบอย่าง ต้องมีบุคลิกภาพเป็นที่ดึงดูดใจผู้คน ไม่เช่นนั้นแล้ว “บนเวทีพูดอย่าง ลงจากเวทีพูดอีกอย่าง” แล้วคำพูดกับการทำงานจะส่งอิทธิพลให้มีผู้สนองและตอบรับได้อย่างไร

อืม..“สีจิ้นผิง ”คิดแบบนั้น แต่ “อินทรีมะกัน ”กับกลุ่มชาติตะวันตก รวมทั้ง“นายกฯ ตู่” ไม่ได้คิดและทำอย่าง “สีจิ้นผิง” เลยนะเว้ยเฮ้ย..!!!

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts