กำลังเป็นประเด็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ที่ทำเอาหน่วยงานของรัฐที่เป็นอิสระ กสทช.แตกโพล๊ะ!
“…เมื่อประธาน กสทช.”หักดิบ” รวบอำนาจตั้งเลขาธิการ กสทช. อ้างต้องทำงานเข้าขา- ก็ต้องหา “ผู้รู้ใจ” แม้ กสทช.กว่าครึ่งจะรวมหัวกันทักท้วง ชี้ขัดระเบียบข้อบังคับ -ขัดกม.จัดตั้ง กสทช.ที่ต้องเป็นอำนาจบอร์ดทั้งชุด แต่ประธาน กสทช.ยังคงยืนกราน “จะเอาอย่างงี้” (ทำเอา “อีแจ๋ว-คนขับรถ” ในบ้านยิ้มหน้าบานกันเป็นแถว…..เพราะดูแววแล้ว มีสิทธิ์ “คั่ว” ตำแหน่งบิ๊กบึ้มเอาได้ทุกเมื่อ…”
![](https://detective-news.com/index2022/wp-content/uploads/2023/03/image-35-1024x576.png)
กับกรณีที่ ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช.”ทุบโต๊ะ” รวบอำนาจเบ็ดเสร็จในการดำเนินการคัดสรรและแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. ” แต่เพียงผู้เดียว” ปรับเปลี่ยนกระบวนการสรรหามาเป็นกระบวนการคัดเลือกและแต่งตั้งเอง โดยคำสั่งและความเห็นชอบของประธาน กสทช.แบบ “ม้วนเดียวจบ”
กสทช.ทั้งคณะเป็นได้แค่ “ไม้ประดับแจกัน” เท่านั้น (อย่าสะเออะ)มาตั้งคำถามว่าตนเองมีอำนาจหรือไม่? พร้อมเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนไปวันวาน ยืนยัน และนั่งยัน (หรือจะให้ตีลังกายันก็ยังได้) ว่า การสรรหาเลขาธิการ กสทช.นั้นมีกฎหมายเฉพาะตามมาตรา 60,61 ระบุว่า ประธานมีอำนาจแต่งตั้งและปลดเลขาธิการ กสทช.ได้
การเลือกเลขาฯ กสทช.ทำได้ 2 วิธีคือ คือ เลือกเอง หรือ ให้บอร์ดเลือก ดังนั้นเมื่อเลขาฯมีหน้าที่ทำงานใกล้ชิดประธาน และประธานต้องดูแลสำนักงาน กสทช. ขณะที่บอร์ดที่เหลือไม่ใช่ จึงจำเป็นต้องเลือกคนที่ทำงานกับตนเองได้ “ผมไม่ได้แปลผลตามกฎหมายเอง ถ้าอ่านตามตัวหนังสือ ตอนที่อยู่กันกับบอร์ด 5 คน เราก็ส่งให้อนุกรรมการกฎหมายดูแล้วว่าเหมาะสม ซึ่งอนุฯบอกว่าประธานจะใช้กระบวนการอย่างไรก็ได้ ทั้งเปิดรับสมัคร หรือ เชื้อเชิญ หรือ เลือกใครที่มีคุณสมบัติก็ได้ และให้กรรมการเห็นชอบ ผมไม่ได้กินเอง ชงเอง”
เป็นอันว่า ไม่ว่าจะมีข้อทักท้วงหรือโต้แย้งจาก กสทช.อย่างไร ท่านประธาน กสทช.ของเราก็ยืนยัน และนั่งยัน (หรือจะให้ตีลังกายันก็ได้) ว่าจะไม่มีการทบทวนใด ๆ โดยจะเดินหน้าเปิดรับสมัครเร็วที่สุด ใช้กระบวนการเปิดรับสมัคร 14 วัน โดยจะเลือกเองเหลือ 1 คน เสนอบอร์ดให้ความเห็นชอบ (หรือรับเบอร์ แสตมป์”เท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะได้ตัวเลขาฯภายในเดือน เม.ย.นี้
ทำเอากระจิบกระจอกข่าวที่นั่งสดัปรับฟังอยู่ด้วยต่างก็เงียบงัน ไม่กล้าถามว่า เกิดหากบอร์ด กสทช. ”ไม่เห็นชอบ” ล่ะ?เพราะกลัวท่านจะสวสนกลับมาว่า “ก็คงจะตั้งอยู่ดี” ว่างั้นเหแอเ เพราะเป็นเลขาธิการ(ส่วนตัว)ของประธานว่างั้นเหอะ !
มิน่าหล่ะ! ถึงมีกระแสข่าวสะพัดก่อนหน้า แม้แต่ “อีแจ๋ว” หรือคนขับรถของท่านประธาน ยัง “วี้ดว้ายกระตู้วู้” ยิ้มกริ่มดีใจจนเนื้อเต้นไปตามๆ กัน ก็ในเมื่อท่านประธานประกาศยืนยันมีอำนาจ “ชงเอง-ตั้งเอง” เบ็ดเสร็จขนาดนี้ แถมยังยืนยันว่าที่เลขาธิการคนใหม่ต้องเป็นคนที่รู้ใจ ไว้ใจถึงจะทำงานร่วมกันได้แบบนี้ ก็มีแต่ “อีแจ๋ว-คนรับใช้ในบ้าน” ของท่านประธานเท่านั้นแหละที่ก็สิทธิ์ จริงไม่จริง!
![](https://detective-news.com/index2022/wp-content/uploads/2023/03/ศ.ดร.พิรงรอง-รามสูต-1024x576.webp)
![](https://detective-news.com/index2022/wp-content/uploads/2023/03/รศ.ดร.ศุภัช-ศุภชลาศัย-1024x576.jpg)
![](https://detective-news.com/index2022/wp-content/uploads/2023/03/พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์-หร่ายเจริญ-1024x683.jpg)
ขณะที่ 3 กสทช.ที่ประกอบด้วย ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต , รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย และ พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ร่วมกันทำหนังสือทักท้วงไปยังประธาน กสทช.ยืนยันไม่รับทราบและไม่เห็นชอบกับมติที่ประชุม กสทช.นัดพิเศษในครั้งนี้ พร้อมร่ายยาว เป็นมติที่ “ไม่ชอบด้วยระเบียบ กสทช. และ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553”
โดยยืนยันว่า ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553 มาตรา 63 (7) บัญญัติให้เลขาธิการ กสทช. พ้นจากตำแหน่งเมื่อ กสทช. มีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดให้ออกจากตำแหน่ง เพราะบกพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หย่อนความสามารถ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
ดังนั้น อำนาจของ ประธาน กสทช. ในการเป็นผู้แต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. ตามมาตรา 61 จึงเป็นเพียงกระบวนการทางธุรการเท่านั้น ไม่ใช่อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของประธาน กสทช. ที่จะเป็นผู้เสนอชื่อ แต่งตั้ง และถอดถอนเลขาธิการ กสทช.ได้เอง แต่เป็นอำนาจของ กสทช. “ทั้งคณะ” ประธาน กสทช. เป็นผู้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งหรือถอดถอนเท่านั้น
![](https://detective-news.com/index2022/wp-content/uploads/2023/03/image-36-1024x536.png)
ก็ให้น่าแปลก! ที่กับกรณีการควบรวมธุรกิจระหว่าง “ทรูและดีแทค” ที่มีปัญหาข้อกฎหมายทำได้หรือไม่ได้อย่างไรนั้น ท่านประธานและ กสทช.กลับอัญเชิญกรณีดังกล่าวแห่แหนไปรอบเมือง ทั้งตั้งอนุกรรมการศึกษาไม่รู้กี่ชุดต่อกี่ชุด จัดเวทีประชาพิจารณาโฟกัส กรุ๊ป ไม่รู้จักกี่ครั้งยังไม่รวมเวทีคู่ขนานของภาคประชาชนและนักวิชาการมหาวิทยาลัย ว่าจ้างที่ปรึกษาทั้งไทยและต่างประเทศหมดเงินไปไม่รู้กี่สิบกี่น้อยล้าน
แม้ถนนทุกสายจะยืนยัน นั่งยันว่า กสทช.มีอำนาจตามตัวบทกฎหมายในการพิจารณาอนุมัติ-ไม่อนุมัติดีลควบรวมกิจการที่ว่านี้ แต่ท่านประธานก็ยังอุตส่าห์สั่งสำนักงาน กสทช.ไปควานหา ”จุดโหว่” ที่ไม่อยู่ในกฎหมาย ทำเรื่องไปถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ร่วมกันควานหาจุดพลังอำนาจ จนออกมาเป็นมติบอร์ดสุด “พิลึกกึกกือ”
“รับทราบ” รายงานการควบรวมธุรกิจ เพราะไม่ถือเป็นการเข้าซื้อหุ้นในบริการประเภทเดียวกันที่เข้าข่ายจะต้องดำเนินการตามประกาศ กสทช.ปี 2549 กสทช.นั้นทำได้เพียงการนำมาตรการเฉพะตามประกาศ กสทช.ปี 2561 มาบังคับใช้เท่านั้น จนก่อให้เกิดข้อวิพากษ์ ที่เรียกแขกให้งานเข้า กสทช.เป็นรายวันจนกระทั่งวันนี้
แต่กับกรณีสรรหาเลขาธิการ กสทช. ที่ถือเป็นตำแหน่งสำคัญขององค์กรนี้ เพราะไม่เพียงจะทำหน้าที่เป็น “แม่บ้าน” ให้บอร์ด กสทช.แล้ว ยังถือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงาน กสทช.อีกด้วย นอกจากนี้ เลขาธิการ กสทช.ยังเป็นกรรมการและเลขานุการกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือ “กองทุน กทปส. “ซึ่งต้องรับผิดชอบงบประมาณเงินกองทุนปีละนับหมื่นล้านด้วยอีก
ดังนั้น ตัวเลขาธิการ กสทช. จึงถือเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญในสามโลกก็ว่าได้ คนที่จะเข้ามารับหน้าที่นี้จึงต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ประสานสิบทิศได้อย่างแท้จริง
การที่ประธาน กสทช.และ กสทช.มีข้อถกเถียงในเรื่องระเบียบข้อบังคับการประชุม รวมไปถึงตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหาและแต่งตั้ง กสทช.คือ พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯปี 2553 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม)ได้มอบอำนาจเบ็ดเสร็จในการคัดเลือกและแต่งตั้งให้แก่ประธาน กสทช.หรือ จะต้องเปิดดำเนินการสรรหาเป็นการทั่วไปนั้น
ก็แล้วทำไมกรณีนี้ท่านประธานจึงไม่คิดจะหารือหรือถามไถ่หน่วยงานใดให้เกิดความกระจ่าง ข้างกายก็ใช่จะไม่มีใครยังมีอนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของ กสทช.ที่ล้วนกอปรด้วยมือกฎหมายชั้นบรมครูอยู่เต็มลำเรืออยู่ไม่ใช่หรือ หรือหากจะค้ำถ่อถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ไม่เสียหายแน่ ใช่ว่าท่านประธานจะไม่เคยทำ
ดีกว่ากำถั่วลุยไฟ “ชงเอง-ตั้งเอง” จนสุดท้ายได้ตัวว่าที่เลขาธิการ กสทช.มาแล้วแต่กลับต้องถูกฟ้องกระบวนการคัดเลือกและสรรหาจนขึ้คนโรงขึ้นศาล มันถูกต้องแล้วหรือ? ยิ่งตำแหน่งเลขาธิการ กสทช.นั้นเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญที่สูงมากอย่างที่ กสทช.พิรงรองออกมาทักท้วงก่อนหน้านั้น กระบวนการสรรหาหรือคัดเลือกจึงยิ่งควรจะสะท้อนความโปร่งใส และเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้าร่วมการคัดเลือกด้วยแล้ว
เกิดว่าที่ “เลขาธิการ” กสทช.ที่ท่านประธานเสนอมากลายเป็น “เลขาพิการ” ขึ้นมาจะทำงานได้อย่างไร? จริงไม่จริงท่านประธานที่เคาพ!!!
#สืบจากข่าว : รายงาน