วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกสืบเศรษฐกิจการเงินผู้เสียหายทยอยแจ้งความ ปอศ.เอาผิด "บ.ซิปเม็กซ์ และผู้บริหาร" ฐานฉ้อโกงประชาชน ก.ล.ต. ไม่แยแสดีลลับ  ระหว่าง Zipmex และ “V Ventures”

Related Posts

ผู้เสียหายทยอยแจ้งความ ปอศ.เอาผิด “บ.ซิปเม็กซ์ และผู้บริหาร” ฐานฉ้อโกงประชาชน ก.ล.ต. ไม่แยแสดีลลับ  ระหว่าง Zipmex และ “V Ventures”

“…มีผู้เสียหาย 2,000 ล้านบาท เพราะปรากฎการณ์ดีลลับ ร่วมกันกินรวบระหว่าง Zipmex และ “V Ventures” ก.ล.ต. จะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร เป็นบทสะท้อนการตีหน้า กินรวบ ทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดไว้ที่กระเป๋าเงินผู้เสียหาย   ล่าสุดผู้เสียหายทยอยแจ้งความ ปอศ.เอาผิด “บ.ซิปเม็กซ์ และผู้บริหาร” ฐานฉ้อโกงประชาชน โดยขอให้ช่วยพิจารณาว่าการกระทำของบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด มีพฤติกรรมเข้าข่ายหลอกลวงให้ร่วมลงทุนหรือไม่ ทั้งข้อหาฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน , ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ พ.ร.บ.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ , พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และในความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ได้รับโทษตามกฎหมาย พร้อมเตรียมลุยต่อ จะไปทวงถาม เลขาฯ ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) สัปดาห์หน้า…”

เหยื่อซึ่งเคยเป็นนักลงทุนใน Zipmex ต่างเฝ้าติดตามสถานการณ์จนต้องแจ้งความดำเนินคดีด้วยตัวเอง ทั้งการไปร้องนายกรัฐมนตรี ที่เวลานี้ง่วนอยู่กับการหาเสียง ทั้งแจ้งความดำเนินคดีมาแล้วทั้ง ตำรวจ บก.ปอศ. และ สอท.1 บช.สอท.

แต่หน่วยงานกำกับอย่าง  ก.ล.ต. ยังลอยตัวอยู่เหนือปัญหานี้ตลอดมา อย่าทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก เพราะปรากฎการณ์ดีลลับ ร่วมกันกินรวบระหว่าง Zipmex และ “V Ventures”   เป็นบทสะท้อนการตีหน้า กินรวบ ทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดไว้ที่กระเป๋าเงินผู้เสียหาย

ก.ล.ต. จะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร อย่าให้คนครหาว่า เอกชนเส้นใหญ่ ยักเงินนักลงทุนเท่าไหนก็ได้ในประเทศนี้เพราะไม่ต้องเสี่ยงคุก งานนี้เมื่อมีผู้เสียหาย 2,000 ล้านบาท หากผู้สร้างความเสียหายไม่ติดคุก ผู้ใหญ่บางคนในหน่วยงานกำกับ ก็น่าจะเป็นคน เซ่นคุกเสียเองบ้าง จะได้กระตือรือร้นปกป้องนักลงทุนมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

ล่าสุดผู้เสียหายทยอยแจ้งความ ปอศ.เอาผิด “บ.ซิปเม็กซ์ และผู้บริหาร” ฐานฉ้อโกงประชาชน

เมื่อวันที่ 3 พ.ค.66 กลุ่มผู้เสียหายจำนวนหลายสิบคน เดินทางเข้าพบร้องขอความเป็นธรรมกับ พ.ต.ท.พงศธร แก่นพุฒ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอศ. ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. โดยได้แจ้งความดำเนินคดีกับ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด , นายเอกลาภ ยิ้มวิไล และผู้บริหารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายรายบุคคลจนถึง 22.00 น. และยังขอนัดผู้เสียหายที่เหลือมาให้ปากคำเพิ่มเติมต่อ ในวันจันทร์ที่ 8 พ.ค. 2566 นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เสียหายได้ทำหนังสือร้องทุกข์ถึง พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. โดยขอให้ช่วยพิจารณาว่าการกระทำของบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด มีพฤติกรรมเข้าข่ายหลอกลวงให้ร่วมลงทุนหรือไม่ ทั้งข้อหาฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน , ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ พ.ร.บ.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ , พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอลฯ และในความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ได้รับโทษตามกฎหมาย โดยมีเอกสารประกอบการพิจารณาที่เกี่ยวข้องคือ

1.สำเนาหนังสือรับรองบริษัทซิปเม็กซ์

2.สำเนาเอกสารประกาศชวนเชื่อต่อประชาชนและรายละเอียดการประกันผลตอบแทนการลงทุน

3. คำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากบริษัท ซิปเม็กซ์  จำกัด ลงวันที่ 21 ก.ค.2564

4. สำเนาหนังสือคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เรื่องข้อมูลการบังคับใช้กฎหมายในรอบสามเดือนที่ผ่านมาจำนวนรายการที่พบ 110 รายการ (ลำดับที่ 24 ถึงลำดับที่ 37)

5. รายชื่อผู้เสียหาย/ผู้ร้องทุกข์

ผู้เสียหายระบุวันเดือนปีที่เกิดเหตุคือ วันที่ 20 ก.ค.2565 (วันที่ถูกระงับการโอน) สำหรับพฤติกรรม (โดยย่อ) ผู้เสียหาย/ผู้ร้องทุกข์ ได้เปิดบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล กับ บริษัทซิปเม็กซ์ จำกัด ระหว่างปี 2564 ถึง 2565 จนถึงปัจจุบัน บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตจากศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลคริปโตเคอเรนซี่ และโทเคนดิจิจัล จาก ก.ล.ต. ทำการประกาศเชิญชวนประชาชนให้ซื้อขายสินทรัพย์ดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นบริษัทระดับมาตรฐานสากลเชื่อถือได้ มีการขออนุญาตจากรัฐบาลทั้งจากประเทศสิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และหากลูกค้าได้รับความเสียหาย จากการซื้อขายสินทรัพย์ดังกล่าว บริษัทฯ ทำประกันไว้กับบริษัทระดับโลกแห่งหนึ่ง มูลค่าที่เอาประกัน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีพนักงานให้บริการ 24 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 7 วัน มีระบบดูแลทรัพย์สินของลูกค้าที่ได้มาตรฐานสากล ดูแลรักษาทรัพย์สินของลูกค้า ไม่นำไปแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย การฝากออมของลูกค้าจะได้รับผลตอบแทนสูงมีประกันผลตอบแทนคุ้มค่าต่อการลงทุน

ต่อมาวันที่ 20 ก.ค. 2565 บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัดและกรรมการบริษัทฯ ได้ออกประกาศทางสื่อออนไลน์ ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ถึงผู้เสียหาย และทำหนังสือคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากบริษัทฯ ความสำคัญว่าบริษัทฯ จะระงับการถอนสินทรัพย์ดิจิทัลใน 2 Wallet ทุกกรณีและไม่สามารถโอนสินทรัพย์ดิจิทัลทุกบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลผู้เสียหายได้ด้วย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายไม่สามารถรับสินทรัพย์ดังกล่าวทั้งหมดคืนจนถึงปัจจุบัน

ต่อมาทางสำนักงาน ก.ล.ต. ได้พิจารณาลงโทษปรับ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด และ นายเอกลาภ ยิ้มวิไล หนึ่งในกรรมการบริษัทฯ ตาม พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิตอล เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2566 ในความผิดเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศกำหนดตามกฎหมาย พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ดังคำสั่งเปรียบเทียบที่ 2/2566 เกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว โดยการนำสินทรัพย์ของผู้เสียหายผู้ร้องทุกข์ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตและผิดต่อกฎหมายจนเกิดความเสียหาย เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงถึงการกระทำของบริษัทและกรรมการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างชัดเจน

ด้วยเหตุนี้ผู้เสียหาย/ผู้ร้องทุกข์ จึงเชื่อว่าพฤติกรรมดังกล่าวของบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด เป็นการใช้กลอุบายการหลอกลวงเพื่อเอาเงินของผู้เสียหาย/ผู้ร้องทุกข์ไปโดยทุจริต เป็นการแสดงข้อความเท็จปกปิดหลอกลวงข้อเท็จจริงต่อประชาชนทั้งยังปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน

ผู้เสียหาย/ผู้ร้องทุกข์ มีความประสงค์ที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด และ กรรมการของบริษัทฯ ทุกคนจนถึงที่สุด รวมทั้งความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ,ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ , พร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน , พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ได้รับโทษตามกฎหมาย

นอกจากนี้ทางกลุ่มผู้เสียหาย เปิดเผยอีกว่า สัปดาห์หน้าจะไปทวงถาม เลขาฯ ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) ถึงเรื่องความคืบหน้ากรณี Zipmex รวมทั้งเรียกร้องให้ ก.ล.ต. ดำเนินคดีกับกรรมการของบริษัทฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ครบถ้วนทุกคน

จากสถานการณ์ล่าสุด ผู้เสียหายอยู่ในช่วงที่ยากลำบากมากที่สุด นับตั้งแต่การล้มกระดาน Zipmex จากการพานักลงทุนไทยเสียหายไป 2,000 ล้านบาท โดยไม่มีวี่แววว่าจะได้รับเงินคืน ขณะที่ประเทศไทยมีหน่วยงานกำกับอย่าง ก.ล.ต. ที่แผลเหวอะหวะตั้งแต่ปี 2565 ก็ยังไร้ทางออกในการเอา ในเหตุการณ์นี้ยังไม่มีใครต้องเข้าคุก แม้แต่รายเดียว และยังส่อแววว่า ผู้เสียหายอาจไม่ได้เงินสักแดงเดียว

กลุ่มผู้เสียหาย Zipmex  ไม่อาจได้เงินคืนตามคำโฆษณาหรือคำปลอบโยนที่ผู้บริหาร Zipmex กล่าวไว้ในอดีต ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้เงินเยียวยาหรือเงินที่เสียหายไป มีโอกาสได้รับคืนเพียง 10-20% จากมูลค่าที่ลงทุนไปเท่านั้น ขณะที่การคุ้มครองเจ้าหนี้ได้หมดลงไปแล้วนับตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. 66 ตามอำนาจศาลสิงคโปร์

ด้าน รายงานข่าวจากต่างประเทศ ว่ากองทุน V Ventures ที่เดิมจะเข้ามาถือหุ้นใหญ่ใน Zipmex โดยการใส่เงินลงทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินลงทุนดังกล่าวจะถูกนำมาชดใช้ค่าเสียหายให้กับนักลงทุนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น  ในเวลานี้กลับต้องการให้ Zipmex จ่ายคืนให้แก่นักลงทุนแต่ละรายเพียง 10-20% ของมูลค่าเงินทุนที่ลงทุนไว้เท่านั้น ทั้งที่ผ่านมา Zipmex ยืนยันจะให้เงินคืนเต็มจำนวนตามจดหมายที่ส่งถึงศาลสิงคโปร์ถึงแผนการปรับโครงสร้าง

พร้อมคำขู่กลาย…อ้างว่า สัญญาจองซื้อหุ้น (Share Subscription Agreement หรือ SSA) นั้นสิ้นสุดลงแล้ว และข้อตกลงภายใน SSA นั้น “ไม่มีผลผูกพัน” อีกต่อไป นอกจากนี้ V Ventures ยังได้ “ขอเงินทุน” เพื่อการดำเนินการ (Working Capital) ที่ได้ลงทุนก่อนหน้านี้กลับคืน ทำให้บริษัทอยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจากับนักลงทุนดังกล่าวเพื่อหาทางออกร่วมกัน

ไม่รู้ว่า ซิปเม็กซ์ สามารถใช้ข้ออ้างของ V Ventures ขอเงินคืน และยังบีบให้ซิปเม็กซ์ใช้หนี้เพียง 10-20% เป็นข้ออ้างตีหน้าเศร้าย่างไร งานนี้การทวงเงินของผู้เสียหายจึงต้องลุ้นยิ่งกว่าการซื้อหวยใต้ดิน

ส่วน Zipmex Asia นั้นแสดงถึงความวิตกกังวลต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น ต่อบริการ Z-Wallet โดยทาง Zipmex Asian ให้คำมั่นสัญญาว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้เร่งเจรจากับกลุ่มทุนหลายราย เพื่อเร่งหาทางออกให้กับลูกค้า แม้จะถูกบีบครั้นด้วยกรอบระยะเวลาและความหวังริบหรี่ในช่วงเวลานี้ เพื่อหวังเพิ่มผลประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าหลังจากการชำระเงินล่าช้า โดยบริษัทได้ยื่นคำร้องต่อศาลสิงคโปร์เพื่อเลื่อนระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปเป็นระยะเวลาอีก 2 เดือน ตามมาตราการแลกเปลี่ยนที่จะใช้ระยะเวลาเพิ่มเติมในการวางแผนและถอน Z-Wallet อีกครั้ง

ทางออกของ Zipmex นั้นมีอยู่ และ V Ventures ก็พร้อมจะถูกหวยไปด้วย หากสามารถหารูรั่วทางกฎหมาย  ตัดเงินสินทรัพย์ถึง 90% หรือยอมตัดขาดทุน 100% ไปเลย เพื่อให้ Zipmex รอดจากวิกฤตที่ผ่านมาและเดินหน้าต่อไปได้ ส่วน V Ventures ก็ได้ความเป็นหุ้นส่วนที่ไม่ต้องแบกหนี้กันมากนัก

สื่อต่างจับตามองการชดใช้ความเสียหาย และรายงานเพิ่มเติมว่า  กรณีของ Zipmex ยังไม่จบง่าย ๆ แล้วนักลงทุนไทยก็ยังไม่มีใครได้เงินคืน ไม่สามารถถอนสินทรัพย์ออกจาก Z Wallet ได้ ย้อนกลับไปวันที่ 18 เม.ย. ทาง Zipmex ได้มีการประกาศว่า บริษัทได้ขอขยายระยะเวลาในการพักชำระหนี้ต่อศาลสิงคโปร์ เนื่องจากปัญหาขาดสภาพคล่องของบริษัท โดยทาง Zipmex ขยายความว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนแก่ลูกค้าสูงสุด โดยจะขอขยายเวลาในการชำระหนี้ออกไปอีก 2 เดือน และจะใช้เวลาเพิ่มเติมในการวางแผน เพื่อเปิดให้ถอนสินทรัพย์ ออกจาก Z Wallet ได้ ทำให้กรณีของ Zipmex ที่เป็นอีกหนึ่ง Exchange ที่ได้ License จากสำนักงาน ก.ล.ต. ไทย นั้นเป็นข่าวดังไปทั่วโลกที่เฝ้าติดตามข่าว

และคำถามสำคัญ เมื่อเหยื่อซึ่งเคยเป็นนักลงทุนใน Zipmex ต่างเฝ้าติดตามสถานการณ์จนต้องแจ้งความดำเนินคดีด้วยตัวเอง ทั้งการไปร้องนายกฯรัฐมนตรี ที่เวลานี้ง่วนอยู่กับการหาเสียง แจ้งความดำเนินคดีมาแล้วทั้ง ตำรวยจ บก.ปอศ. และ สอท.1 บช.สอท.

แต่หน่วยงานกำกับอย่าง  ก.ล.ต. ยังลอยตัวอยู่เหนือปัญหานี้ตลอดมา อย่าทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก เพราะปรากฎการณ์ดีลลับ ร่วมกันกินรวบระหว่าง Zipmex และ “V Ventures”  เป็นบทสะท้อนความเป็นมืออาชีพ

ก.ล.ต. จะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร อย่าให้คนครหาว่า เอกชนเส้นใหญ่ ยักเงินนักลงทุนเท่าไหนก็ได้ในประเทศนี้เพราะไม่ต้องเสี่ยงคุก

งานนี้เมื่อมีผู้เสียหาย 2,000 ล้านบาท หากผู้สร้างความเสียหายไม่ติดคุก ผู้ใหญ่บางคนในหน่วยงานกำกับ ก็น่าจะเป็นคน เซ่นคุกเสียเองบ้าง จะได้กระตือรือร้นปกป้องนักลงทุนมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

#สืบจากข่าว : รายงาน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts