ตอน…คนในรั้วกับคนนอกรั้ว(อำนาจ)
มุมมองการเมือง…ในสายตาประชาชน ทีฝังความรู้ไว้กับ “ความศัทธาสูงสุด” พวกเขาก็ยึดมั่นในส่วนเหล่านั้นอยู่ พร้อมปกป้องด้วยชีวิต หากมีใคร…
บังอาจก้าวล่วง
“ฐานอำนาจ” ตรงนี้…จึงถูกวางไว้เป็นรั้วให้พวกขุนศึกยึดโยงใกล้ชิดกับคนภายในรั้ว ที่ไม่ค่อยจะมีโอกาศได้รู้รสของความเป็น…
คนนอกรั้วฐานอำนาจ…ที่แท้จริง
สุดมือเอื้อมถึง…กำแพงพวกสูงได้
พวกเรา…คนนอกรั้ว มีอากาทรุดโทรมลงทุกวัน จึงจำเป็นต้องศึกษาหาทางออกให้ชีวิต
มีเรี่ยวแรงเดินไปหาทางรอด…อย่างเดียวดาย
ในที่สุดก็ไปพบทางเดินใหม่…
“การปกครองตามระบอบประชาธิปไตย”
“อันมีปวงชนชาวไทยเป็นฐานอำนาจสูงสุด”
เมื่อทางเลือกของ พวกเขา-พวกเรา มีคนอาสาเข้ามาจูงมือให้มองไป…
“เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์”.
ทั้งๆที่…ไม่รู้ว่าแสงที่นำทาง ไปนั้นมันเดินไป…สู่ นรก หรือ สวรรค์
คิดได้แค่ความรู้พื้นฐาน…ของใหม่ย่อมดีกว่าของเก่า,เขาอยากลอง…อยากได้ทางเลือกใหม่
วันดีคืนร้าย… เมื่อความฝันของพวกเขา ถูกมองข้ามรั้วอำนาจ เห็นพฤติกรรมผิดปรกติขึ้น จึงระดมกำลัง พร้อมอาวุธครบมือ ออกมายืนแสดงอำนาจบาตรใหญ่
ประชาชนก็เริ่มคิด และมองเห็น…เราถูกผลักออกจากริมรั้ว พวกเจ้าขุนมูลนาย ผู้มั่งคั่งด้วยบารมีและอำนาจ !!
ถูกแบ่งแยก…อยู่คนละฝ่ายกับประชาชนผู้หิวโหย…เมื่อได้เด็กรุ่นใหม่ ลากจูงออกจากปลายอุโมงค์ จนมองเห็นที่พึ่งที่หมาย เลือกเดินต่อไปได้
เมื่อ…ความจนถูกอำนาจนายทุนขุนศึก แบ่งแยกออกจากกัน กับความร่ำรวยในแผ่นดินเดียวกัน
ระหว่างความจนกับคนรวย…ห่างกันราว “ฟ้ากับดิน” สุดมือเอื้อมถึงต่อกันได้
เด็กๆที่คอยดุนหลังคนหมดแรง จึงเกิดแรงดันด้วยพลังความคิดใหม่ ที่เขาสามารถปลุกใจให้ฮึกเฮิม เพื่อความก้าวหน้าก้าวเดินต่อไป
จึงได้รับผลตอบเร็วและ…แรงขึ้น!!
ที่คิดและเข้าใจว่าไปว่า…เด็กๆที่คอยหนุนหลังชาวบ้าน จนโตวันโตคืน ก็ได้จากการลงทุนทางการเมือง ที่ขนเงินสดจำนวนหลายตู้คอนเทนเนอร์ ทางฝั่งทะเล 3 จังหวัดใต้ เข้ามาหนุนเด็ก
ก็…ไม่ต่างอะไรกับการลงทุนของ “กลุ่มทุน” หนุนพรรคการเมือง แต่ละพรรคแต่ละพวก ก็มีเป้าหมายคล้ายกัน
แย่งกันครองอำนาจ…มากกว่าคิดเสริมสร้างความั่นคง ระบอบประชาธิไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ที่สุด…สุดทาง ต่างฝ่ายต่างคิด “ปล้นชาติ” กันหรือเปล่า??