“…“กลุ่มอดีตผู้ปฏิบัติงาน และภาคประชาชน” ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ทวงถามความเป็นธรรมให้กับ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ เป็นผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 16 แก้ปัญหาไฟฟ้าแพง ชี้เป็นการดำเนินการด้วยความถูกต้องและชอบธรรม โดยคณะกรรมการสรรหา กฟผ. และคณะกรรมการ กฟผ. ก็ดีต่างก็ยึดถือแนวทางปฏิบัติเป็นไปตามกฎระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมาย ในทุกประการ พร้อมกันนี้ยังได้รับการสนับสนุนและการยอมรับทั้งจากพนักงาน กฟผ. และ สหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เช่นกัน…”
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2566 กลุ่มอดีตผู้ปฏิบัติงาน และภาคประชาชน นำโดย นายพิเชษฐ์ ชูชื่น อดีตผู้บริหาร กฟผ., นายธรรมยุทธ สุทธิวิชา อดีตประธาน สร.กฟผ. และ นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ บุกยื่นหนังสือต่อ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ปมการแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คนที่ 16 และการแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า
เรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ฯพณฯ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
เรื่อง การแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คนที่ 16 และการแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง
พวกเราในนาม “กลุ่มอดีตผู้ปฏิบัติงาน และภาคประชาชน” ได้ทราบข่าวปัญหาในการแต่งตั้งผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ) คนที่ 16 และปัญหาค่าไฟฟ้าแพงในขณะนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการแก้ไขมาโดยตลอดตามที่ทราบกันอยู่แล้วนั้น โดยในส่วนของการแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คนที่ 16 นั้น ได้ทราบว่าจะมีการสรรหาผู้ว่าการ กฟผ. ใหม่ ซึ่งพวกเราขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงว่าการสรรหาผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 16 ซึ่งคณะกรรมการ กฟผ. ได้เห็นชอบให้ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ เป็นผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 16 เป็นคนต่อไปแล้วนั้นเป็นการดำเนินการด้วยความถูกต้องและชอบธรรม โดยคณะกรรมการสรรหา กฟผ. และคณะกรรมการ กฟผ. ก็ดีต่างก็ยึดถือแนวทางปฏิบัติเป็นไปตามกฎระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมาย ในทุกประการ พร้อมกันนี้ยังได้รับการสนับสนุนและการยอมรับทั้งจากพนักงาน กฟผ. และ สหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เช่นกัน และหลังจากนั้น คณะกรรมการ กฟผ. ได้สรุปผลการคัดเลือกและนำเสนอไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในขณะนั้น คือ ฯพณฯ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เพื่อนำเสนอ คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป และเรื่องดังกล่าวได้อยู่ใน ครม. เรียบร้อยแล้วเพื่อรอนำเข้า ครม. แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวได้เกิดเหตุการณ์ยุบสภาไปก่อนจึงทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะนั้นไม่สามารถพิจารณาให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติได้ เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการ จึงได้พิจารณานำ เสนอไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กลต.) จำนวน 2 ครั้ง ตามคำแนะนำของ ครม. และรัฐมนตรีในขณะนั้น แต่ กลต. ก็ยังคงยืนยันให้ไปนำเสนอ ครม. ของรัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้พิจารณา ดังนั้นเรื่องจึงยังคงอยู่ที่รัฐมนตรีพลังงาน ดังนั้นจึงเป็นความชอบธรรมที่รัฐมนตรีพลังงาน ฯพณฯ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค สามารถที่จะพิจารณาดำเนินการนำเสนอต่อ ครม. ใหม่ได้ เพราะเป็นการสรรหามาโดยชอบธรรมแล้ว และหากมีการสรรหาผู้ว่าการ กฟผ. ใหม่ ก็จะไม่เป็นธรรมและส่งผลเสียหายต่อผู้ถูกคัดเลือกและเป็นข้อสงสัยต่อสังคมอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล ประกอบกับการจะเปลี่ยนแปลงให้มีการสรรหาผู้ว่าการ กฟผ. ใหม่นั้น จะส่งผลต่อคำครหานินทาจากสังคมได้ว่ามีใบสั่งจากทุนใหญ่ด้านพลังงานมากดดันรัฐบาลตามข่าวที่ทราบกันอยู่แล้ว
พวกเราจึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ท่านรัฐมนตรี ฯ พิจารณานำเสนอผลกการคัดเลือกผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 16 คือ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ เข้า ครม. เพื่อเห็นชอบอนุมัติแต่งตั้งเป็น ผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 16 ต่อไป
อนึ่งหากมีการสรรหาผู้ว่าการ กฟผ. ใหม่ และไม่ใช่ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ แน่นอนสังคมต่างทราบอย่างกว้างขวางจากสื่อต่าง ๆ อยู่แล้วว่าใครจะได้รับการคัดเลือก ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการบริหารงานใน กฟผ. อย่างแน่นอน จะทำให้เกิดความไม่พอใจและความขัดแย้งอันยาวนานใน กฟผ. และอาจจะไม่เป็นผลดีต่อการสนับสนุนการดำเนินงานและบริหารงานตามนโยบายต่างๆ ให้กับทางกระทรวงพลังงานหรือรัฐมนตรีอย่างเต็มที่ก็เป็นได้
สำหรับในเรื่องค่าไฟฟ้าแพงนั้นในความเป็นจริงต้นกำเนิดเกิดมาจากในอดีตภาครัฐและกระทรวงพลังงานเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีบทบาทและกำหนดนโยบายในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้ามากเกินไปโดยขาดการสร้างความสมดุลย์ด้าน Demand และ Supply จะเห็นจากปัจจุบัน Supply มีมากกว่า Demand เกินครึ่งหนึ่ง ซ้ำยังกำหนดให้ กฟผ. ทำสัญญาจ่ายค่าความพร้อมและอื่น ๆ ตลอดจนปล่อยปละละเลยกำหนดนโยบายให้ใช้พลังงานหมุนเวียนมากเกินไปโดยอ้างปัญหาโลกร้อนและไปลงนามสัญญาร่วมกับประเทศต่าง ๆ โดยไม่ดูข้อจำกัดต่าง ๆ ภายในประเทศ จนเป็นเหตุให้เกิดข้อครหารัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนพลังงานจากสื่อต่าง ๆ ที่ออกมา และจากนโยบายที่ท่านรัฐมนตรีประกาศลดค่าไฟตามข่าวที่ออกมาเป็นเรื่องที่ดี แต่เป็นการแก้ไขปัญหาปลายเหตุ ปัญหาจะไม่สามารถถูกแก้ได้อย่างยั่งยืนแน่นอน
ดังนั้นการแก้ปัญหาค่าไฟแพงนั้นควรแก้ไขที่ต้นเหตุคือการแก้ไขสัญญาที่รัฐเสียเปรียบกับเอกชนใหม่ เช่นค่าความพร้อมจ่าย เป็นต้น แก้ไขสัญญาให้เป็นประโยชน์ต่อรัฐและประชาชนสำหรับรายใหม่ สร้างความสมดุลย์ Demand และ Supply อย่างสมเหตุสมผล เปิดเสรีการนำเข้าเชื้อเพลิง GAS (LNG) เพื่อให้เกิดการแข่งขันจะทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลง กำหนดให้ภาคเอกชนสามารถขอใช้ท่อ Gas จาก ปตท. ได้โดยไม่มีเงื่อนไข โดยการสนับสนุนจากรัฐบาล ควรให้ กฟผ. เป็นองค์กรหลักในการนำเสนอและจัดทำแผน PDP เพื่อนำเสนอรัฐบาลได้อย่างถูกต้อง
พวกเราหวังว่าจะได้รับการพิจารณาและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะเดียวกันพวกเราพร้อมที่จะเป็นผู้สนับสนุนข้อมูลด้านพลังงานไฟฟ้า และเป็นกำลังใจให้กับท่านรัฐมนตรีด้วยความเต็มใจและให้การสนับสนุนท่านอย่างเต็มที่และตลอดเวลา ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้เป็นอย่างสูงด้วย