“… คณะผู้นำจีนมักจะเน้นอยู่เสมอว่า การสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประชาชาติจีน จะสำเร็จได้ก็ด้วยการสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้แก่พรรคฯจีน โดยถือเอาผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เป็นแกนนำพลังสร้างสรรค์ทั่วทั้งแผ่นดินจีนและจะสร้างเสริมความเจริญรุ่งเรืองเรื่อยไปอย่างไม่สิ้นสุด โดยมีจุดเริ่มต้นที่เหมาเจ๋อตง  จนมาถึงยุคสีจิ้นผิง ทำให้พรรคฯจีนได้รับการยอมรับอย่างสูงยิ่งทั้งในหมู่ชาวจีนและชาวโลก จึงไม่แปลกที่เราจะได้ยินได้ฟังสุ้มเสียงของสีจิ้นผิงและบุคคลระดับนำของจีนที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่า อย่าคิดขวางความเจริญก้าวหน้าของจีนเลย เสี่ยเวลาเปล่า ทางที่ดีคือมาร่วมกับจีนสร้างสิ่งดีๆให้แก่ชาวโลกด้วยกันจะดีกว่า ต่างจากในกลุ่มประเทศตะวันตก ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนแห่งการปฏิวัติ ขบวนการเคลื่อนไหวของชนชั้นกรรมกรเป็นไปอย่างเข้มแข็ง แต่พรรคการเมืองเหล่านั้นก็ไม่อาจก้าวข้ามกรอบความคิดและทัศนคติที่คับแคบ มองเห็นแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้าตลอดจนสวัสดิการที่กลุ่มทุนหยิบยื่นให้ …”

时代塑造 ประติมากรรมแห่งยุคสมัย

มีการสรุปเป็นนัยๆว่า ถ้าอยากรู้อนาคตของโลกต้องรู้จีน ถ้าอยากจะรู้จีนต้องรู้พรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งความเป็นจริงที่กำลังปรากฏก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความถูกต้องของคำวินิจฉัยนี้

ด้วยเหตุนี้ การทำความเข้าใจพรรคฯจีน จึงเป็นช่องทางสำคัญในการทำความเข้าใจประเทศจีน ตลอดจนอนาคตของโลกโดยรวมเป็นอย่างดี

องค์ประกอบสำคัญพื้นฐานประการแรกของการทำความเข้าใจพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็คือเหตุปัจจัยที่นำไปสู่การอุบัติขึ้นของพรรคการเมืองที่มีลักษณะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากพรรคการเมืองที่เรารู้จักทั่วไป ถึงแม้ว่าในช่วงต้นของการก่อตั้ง จะได้รับอิทธิพลอย่างมากจากขบวนการคอมมิวนิสต์สากล แต่เมื่อได้ประสานเข้ากับสภาพเป็นจริงของประเทศจีนแล้วก็ได้ปรับแนวคิดทิศทาง ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่มีความเป็นแบบจีนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนอารยธรรมจีนที่สืบต่อกันมาอย่างไม่ขาดสายหลายพันปี

นั่นหมายความว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้หลอมตัวเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมจีนแล้ว แสดงบทบาทเป็นแกนนำพลังสร้างสรรค์ทั่วทั้งแผ่นดินจีนและจะสร้างเสริมความเจริญรุ่งเรืองเรื่อยไปอย่างไม่สิ้นสุด

สถานภาพอันโดดเด่นเช่นนี้ จะไม่มีทางเห็นได้ในประเทศอื่นใด เพราะสิ่งที่เรียกว่าพรรคการเมืองในประเทศอื่นๆ ยังเป็นเพียงกลุ่มผลประโยชน์ที่ทำเพื่อผลประโยชน์ตน แม้ว่าในทางโฆษณาประชาสัมพันธ์จะพูดถึงชาติประชาชนอยู่ตลอดเวลา แม้แต่พรรคการเมืองที่มีจุดเริ่มต้นคล้ายกับพรรคฯจีน คือเป็นกองหน้าของชนชั้นกรรมาชีพ แต่ก็ได้เสื่อมถอยลงไปกลายเป็นพรรคหรือกลุ่มการเมืองเฉพาะกิจ ไม่สามารถขับเคลื่อนการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงภายในประเทศตนได้สำเร็จ

 ดังที่เราเห็นกันทั่วไปในกลุ่มประเทศตะวันตก ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนแห่งการปฏิวัติ ขบวนการเคลื่อนไหวของชนชั้นกรรมกรเป็นไปอย่างเข้มแข็ง แต่พรรคการเมืองเหล่านั้นก็ไม่อาจก้าวข้ามกรอบความคิดและทัศนคติที่คับแคบ มองเห็นแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้าตลอดจนสวัสดิการที่กลุ่มทุนหยิบยื่นให้

อีกนัยหนึ่ง คณะผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน เริ่มตั้งแต่ เหมาเจ๋อตงเป็นต้นมา  ได้นำเอาหลักทฤษฎีลัทธิมาร์กซ์ประสานเข้ากับการเคลื่อนไหวปฏิวัติของประเทศจีนได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ นั่นคือทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง ในทุกมิติของการเคลื่อนไหวต่อสู้ ปฏิวัติเปลี่ยนแปลง พัฒนา สร้างสรรค์ ตลอดจนการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ จะต้องเริ่มจากความเป็นจริง และภูมิปัญญารวมหมู่

โดยเน้นเป็นพิเศษว่าอัจฉริยภาพเฉพาะตนจะโดดเด่นขึ้นมาได้ก็ด้วยความตื่นตัวของมวลชน

พรรคฯ จีนตั้งแต่ยุคเหมาเจ๋อตงเป็นต้นมา จึงได้พัฒนารูปแบบวิธีการต่างๆที่สอดคล้องกับสภาพเป็นจริงของจีนและของโลกโดยรวม ซึ่งปรากฏผลเป็นที่ยอมรับของคนจีนทั้งประเทศ ตลอดจนคนจีนทั่วโลก

ปัจจุบันนี้ คณะผู้นำจีนมักจะเน้นอยู่เสมอว่า การสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประชาชาติจีน จะสำเร็จได้ก็ด้วยการสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้แก่พรรคฯจีน นั่นคือความแข็งแกร่งทางความคิดอุดมการณ์ ความแข็งแกร่งทางด้านการจัดตั้ง และประสิทธิภาพการทำงาน โดยถือเอาผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นตัวตั้ง พร้อมกันนั้นก็ได้ปรับปรุงกฏระเบียบต่างๆของพรรค ให้สามารถกลั่นกรองความบริสุทธิ์ของพรรคได้ตลอดเวลา

ดูเหมือนว่ากระบวนการหล่อหลอมประสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับความเป็นจริงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี โดยมีจุดเริ่มต้นที่เหมาเจ๋อตงนั้น กำลังปรากฏผลรูปธรรมยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อมาถึงยุค สีจิ้นผิง ทำให้พรรคฯจีนได้รับการยอมรับอย่างสูงยิ่งทั้งในหมู่ชาวจีนและชาวโลก

จึงไม่แปลกที่เราจะได้ยินได้ฟังสุ้มเสียงของสีจิ้นผิงและบุคคลระดับนำของจีนที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่า อย่าคิดขวางความเจริญก้าวหน้าของจีนเลย

เสี่ยเวลาเปล่า ทางที่ดีคือมาร่วมกับจีนสร้างสิ่งดีๆให้แก่ชาวโลกด้วยกันจะดีกว่า

โดยนัยก็คือ พรรคคอมมิวนิสต์จีนอุบัติขึ้นตามเหตุปัจจัยแห่งยุคสมัย เป็นประติมากรรมแห่งยุคสมัยที่เชื่อมประสานทฤษฎีลัทธิมาร์กซ์ที่เป็นวิทยาศาสตร์เข้ากับสภาพเป็นจริงของประชาชาติจีน “ที่ได้สืบสานอารยธรรมจีนมาอย่างยาวนานและต่อเนื่องถึงห้าพันปีแล้ว'(คำพูดสีจิ้นผิง)

ไขคำจีน 塑造 ซู่จ้าว ประติมากรรม