“…สงครามอิสราเอลกับฮามาสครั้งนี้รุนแรงและร้ายแรง ทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยมเป็นประวัติการณ์ จีนได้เสนอทางออกด้วยการยุติการสู้รบแล้วนั่งลงเจรจา ไม่เพียงเพื่อยุติการสู้รบในครั้งนี้เท่านั้น แต่ยังนำอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ออกจากวัฏจักรแห่งความขัดแย้งที่นับเนื่องกันมาอย่างยืดเยื้อ ซึ่งในการประชุมได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและยาว โดยเฉพาะคือการฟื้นความชอบธรรมในการสร้างชาติให้แก่ชาวปาเลสไตน์ โดยจีนเห็นว่าการที่ชาวปาเลสไตน์ถูกเมินเฉย ปล่อยให้พวกเขาต้องไร้แผ่นดินคือปมเงื่อนของปัญหาทั้งหมด จุดยืนของจีนคือความเที่ยงธรรม ดังนั้นจึงได้เสนอทางออกสุดท้ายไว้ที่การมีประเทศอิสราเอลและประเทศปาเลสไตน์อยู่บนผืนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวอาหรับและชาวยิวร่วมกัน แนวทางแก้ไขปัญหาเช่นนี้ คงไม่มีประเทศไหนในโลกตะวันตกคิดทำ จะต้องเป็นจีนเท่านั้นที่จะทำได้….”
มหาบารมี 超权威
เจ็ดวันตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายนถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่กลุ่มฮามาสกับอิสรเอลยอมพักรบและปล่อยตัวผู้คนจำนวนหนึ่่งให้เป็นอิสระซึ่งในนั้นมีแรงงานไทยรวมอยู่ด้วย แต่การสู้รบที่เริ่มต้นอีกครั้งก็ได้ทำลายความหวังดีๆของชาวไทยและชาวโลก ในการที่จะเห็นสันติภาพถาวรเกิดขึ้นในดินแดนมิคสันยีแห่งนั้น
เจ็ดวันแห่งสันติภาพ ได้ช่วยให้ผู้คนจำนวนหนึ่งไม่ต้องบาดเจ็บล้มตาย ด้วยผลแห่งความพยายามร่วมกันของหลายๆ ฝ่าย โดยเฉพาะประเทศจีนกับกลุ่มประเทศมุสลิมอาหรับที่ได้ติดต่อประสานงานกันล่วงหน้าแล้วระยะหนึ่ง เพื่อดึงเอาสถานการณ์ที่มีแนวโน้มจะบานปลายให้เช้ามาอยู่ในครรลองของการแก้ปัญหาด้วยการเมือง และแกัไขปัญหาปาเลสไตน์แบบเบ็ดเสร็จ บรรลุสู่สันติภาพอันถาวรในย่านตะวันออกกลาง เพื่อให้ชาวยิวกับชาวอาหรับอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
สงครามอิสราเอลกับฮามาสครั้งนี้รุนแรงและร้ายแรง ทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยมเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะการกระหน่ำยิงจรวดทำลายล้างสูงเข้าใส่โรงพยาบาลและค่ายผู้ลี้ภัย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งพรวดเกินหมื่นคนภายในเวลาไม่กี่วัน ในนั้นเป็นเด็กและสตรีเกินครึ่งด้วยฝีมือของอิสราเอล เหตุการณ์เลวร้ายเกินจินตนาการดังกล่าวยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อไปเมื่อรัฐบาลอิสราเอลแสดงจุดยืนแข็งกร้าว ประกาศล้างบางกลุ่มฮามาสด้วยการฆ่าแบบไม่เลือกหน้า และใช้วิธีการป่าเถื่อนทั้งตัดน้ำตัดไฟตัดเสบียงและไล่ทิ้งระเบิด ขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซา ขณะที่สหรัฐฯกับมหาอำนาจตะวันตกก็ถือหางอิสราเอล ทำให้มติต่างๆที่จะหยุดยั้งและยุติโศกนาฏกรรมที่เสนอเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคง องค์การสหประชาชาติถูกตีตกไปครั้งแล้วครั้งเล่า สะท้อนถึงความโหดเหี้ยมเลือดเย็นของกลุ่มปกครองโลกยุคเก่าที่เห็นชีวิตของผู้ถูกกดขี่เป็นเศษเสี้ยวผักปลา
ถ้าไม่เพราะจีนก้าวเข้ามาจัดการ การเช่นฆ่าทำลายก็คงไม่มีทางยุติลง แม้จะเพียงชั่วคราว
ตั้งแต่เริ่มต้น จีนได้เสนอทางออกด้วยการยุติการสู้รบแล้วนั่งลงเจรจา โดยตั้งโจทย์ไว้ตรงที่การแก้ไขปัญหาทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว ไม่เพียงเพื่อยุติการสู้รบในครั้งนี้เท่านั้น แต่ยังเพื่อนำอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ออกจากวัฏจักรแห่งความขัดแย้งที่นับเนื่องกันมาอย่างยืดเยื้อยาวนานเกือบศตวรรษแล้ว
ภายหลังจากที่ประชุมสภาความมั่นคงองค์การสหปนะชาชาติได้ผ่านมติที่ 2712 ที่จีนเป็นประธานการประชุมแล้ว นายหวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนถึงกับเดินทางไปนั่งเป็นประธานการประชุมระดับสูงอีกครั้งด้วยตนเองในวันที่29พฤศจิกายน โดยมีประเทศสมาชิกถาวรทั้งห้าและกลุ่มประเทศมุสลิมอาหรับอีกกว่า20ประเทศตลอดจนประเทศที่ได้รับเชิญจำนวนหนึ่งรวมสามสิบกว่าประเทศเข้าร่วม ซึ่งในการประชุมดังกล่าวหวังอี้ได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและยาว พร้อมกับเรียกร้องให้มีการจัดประชุมวงกว้างพิจารณาปัญหาปาเลสไตน์โดยเฉพาะคือการฟื้นความชอบธรรมในการสร้างชาติให้แก่ชาวปาเลสไตน์ โดยจีนเห็นว่าการที่ชาวปาเลสไตน์ถูกเมินเฉย ปล่อยให้พวกเขาต้องไร้แผ่นดินคือปมเงื่อนของปัญหาทั้งหมด
ก็เมื่อชาวยิวมีสิทธิ์สร้างชาติได้ แล้วทำไมชาวปาเลสไตน์จึงถูกกีดกันมิให้สร้างชาติของตนมาโดยตลอด ทั้งๆที่องค์การสหประชาชาติได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ชาวปาเลสไตน์สร้างชาติของตนบนแผ่นดินเกิดได้ตั้งแต่ปี คศ.1947 แล้ว
จุดยืนของจีนคือความเที่ยงธรรม ดังนั้นจึงได้เสนอทางออกสุดท้ายไว้ที่การมีประเทศอิสราเอลและประเทศปาเลสไตน์อยู่บนผืนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวอาหรับและชาวยิวร่วมกัน
แนวทางแก้ไขปัญหาเช่นนี้ คงไม่มีประเทศไหนในโลกตะวันตกคิดทำ และคงไม่มีประเทศใดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาทำได้
สถานภาพทางประวัติศาสตร์ของจีนวันนี้ ช่างเป็นการเจาะจงอย่างยิ่งว่า การแก้ปัญหาวิกฤตระดับโลก จะต้องเป็นจีนเท่านั้นที่จะทำได้ เพราะความเป็นจริงได้บอกชาวโลกแล้วว่า พวกเขาเชื่อจีนได้ มีปัญหาแก้ไม่ตกหันไปพึ่งจีนได้
ปัจจุบันนี้กลุ่มฮามาสได้หันไปหาจีนแล้ว และอีกไม่นานเกินรออิสราเอลก็จะหันไปหาจีน
