“สหรัฐฯกลัวจะสูญเสียความเป็นผู้นำเดี่ยวของโลก จีนก็ไม่ต้องการให้โลกตะวันตกเข้ามาขีดเส้นโลกตะวันออก ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ต้องมีเวทีเป็นกลางเข้ามาแก้ปัญหานี้ โดยร่วมกันสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ รัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน มีความพยายามอย่างสูง สร้างบทบาทในต่างประเทศมากขึ้น ในด้านการค้า ลงทุน แต่ควรเป็นสะพานเป็นตัวรุกแก้ปัญหานี้ ไทยมีเพื่อนที่เป็นสมาชิกอาเซียน 9 ประเทศต้องร่วมกันแก้ปัญหานี้ ลดความขัดแย้งระหว่างกันของ 2 ประเทศมหาอำนาจและร่วมกันสร้างกติกาใหม่ของโลกจึงจะช่วยแก้ปัญหาได้”
เมื่อวันอังคารที่ 5 มีนาคม 2567 ซึ่งตรงกับวันนักข่าวของทุกปีและในเวลา 17.30 น.ที่ห้องพาโนรามา โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ ได้มีการจัดงานเปิดตัวสมาคมสื่อมวลชนไทย-จีน โดยนายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ นายกสมาคมฯกล่าวรายงานโดยสรุปว่า ความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี และความสัมพันธ์ทางการทูตยุคใหม่ที่จะฉลอง 50 ปี ในปีหน้านั้นมีเรื่องราวมากมายให้สื่อไทย-จีน ได้ติดตามนำเสนอเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนสองฝ่าย โดยสมาคมสื่อมวลชนไทย-จีน จะทำหน้าที่เชื่อมโยงสร้างความสัมพันธ์ที่ดีด้วยกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการค้าการลงทุนในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชนด้วย
งานนี้ทางสมาคมฯได้เชิญนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสรสินธุ ไตรจักรภพ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยมีแขกรับเชิญที่มีทั้งสมาคม บริษัทเอกชน องค์กร และบุคคลเข้าร่วมฟังปาฐกถาและแสดงความยินดีต่อสมาคมสื่อมวลชนไทย-จีนอย่างคับคั่ง
สำหรับการปาฐกถาพิเศษของที่ปรึกษานายกฯ และอดีตนายกฯ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
นายพิชัย นริพทะพันธ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทยในมิติความร่วมมือกับจีน” ไว้อย่างน่าฟังว่า จีนมีการพัฒนาตัวเองได้เร็วมาก ก่อนหน้านี้ไปปักกิ่งยังเห็นประชาชนใช้จักรยานกันทั้งเมือง แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นรถยนต์รถไฟฟ้ากันหมด ก้าวหน้าแซงไทยไปมาก โดยเฉพาะทางด้านเทคโนโลยี ตนทำธุรกิจกับจีนและสหรัฐฯมานานทั้งจิวเวลรี ไม้และเยื่อกระดาษ ทำให้รู้ความคิดทั้งสองประเทศเป็นอย่างดี สหรัฐฯเน้นเรื่องธุรกิจเป็นสำคัญ แต่จีนจะค้าขายแบบเพื่อนกัน เราจะเห็นได้ว่าปัจจุบันการค้าของจีนแข็งแกร่งมาก อย่างรถไฟฟ้า DYB ปัจจุบันขายดีกว่าเทสล่าของสหรัฐฯอีก
ตนตามเศรษฐกิจของจีนมาโดยตลอด โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาฯที่ซบเซา แต่จีนก็สามารถพลิกจีดีพีมาโตได้ถึง 5.2% และคาดว่าในปี 2567 จะโตได้อีก โดยสิ่งดีๆ ในตอนนี้คือ ไชน่าพาสปอร์ต กับปัญหาความขัดแย้งและกีดกันทางการค้าของมหาอำนาจ อาจส่งผลดีให้กับไทยโดยการลงทุนจากจีนจะใช้ประเทศไทยในการผลิตเพิ่มมากขึ้นระเบียบโลกใหม่และภูมิรัฐศาสตร์ใหม่
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยได้ขึ้นปาฐกถาพิเศษ “ระเบียบโลกใหม่และภูมิรัฐศาสตร์ : ผลต่อเศรษฐกิจและการไทย-จีน” โดยได้กล่าวว่า วันนี้ความสัมพันธ์ไทย-จีน มันเกินเลยไปแล้ว จีนเป็นคู่ค้าอันดับ1ของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของจีน
ปีนี้ย่างเข้า 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน การขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ตนเคยคิดสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรี ได้พูดถึงการขยายเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยจีนเป็นสิ่งสำคัญ และทุกอย่างก็เป็นตามที่ที่เคยได้พูดไว้ ในปี 2567 ใน 2 เดือนแรก นักท่องเที่ยวชาวจีนได้กลับมายังประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่งเหมือนเช่นก่อนการเกิดโควิด 19 และได้แรงกระตุ้นจากการฟรีวีซ่าระหว่างกัน
ปัญหาความขัดแย่งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ มาสู่สงครามจริงระหว่างรัสเซีย-ยูเครนและอิสราเอล-อัลมาส ส่งผลกระทบไม่น้อยในด้านราคาน้ำมัน ราคาโภคภัณฑ์ อาหาร แต่ความขัดแย่งระดับภูมิรัฐศาสตร์น่ากลัวมาก ตนอยู่การเมืองมา 30 ปี มองว่าความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯเป็นเรื่องน่าห่วง เพราะจะทำให้ส่งผลกระทบต่อการกีดกันทางการค้าเพิ่มมากขึ้น แม้จะมองว่าไทยจะได้ประโยชน์จากนักลงทุนจีนย้ายฐานผลิตมาไทยเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่ามันส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจโลกขาดประสิทธิภาพ
เราจะเห็นชัดถึงการนำเอาความขัดแย้งมาเป็นเหตุผลในการกีดกันทางการค้า ไทยโดนมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชนและอีกหลายเหตุผลและแนวโน้มจะมีความรุนแรงมากขึ้น
ดังนั้น ไทย-จีนควรช่วยกันร่วมกันแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อว่าทั้งไทยและจีนไม่ประสงค์อยากอยู่ในความขัดแย้ง แต่จากความแตกต่างทางการเมือง ความคิด ค่านิยมทำให้เกิดความหวาดระแวง วิตก กังวลกลัวจะถูกครอบงำเปลี่ยนแปลง
สหรัฐฯกลัวจะสูญเสียความเป็นผู้นำเดี่ยวของโลก จีนก็ไม่ต้องการให้โลกตะวันตกเข้ามาขีดเส้นโลกตะวันออก ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ต้องมีเวทีเป็นกลางเข้ามาแก้ปัญหานี้ โดยร่วมกันสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ รัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน มีความพยายามอย่างสูง สร้างบทบาทในต่างประเทศมากขึ้น ในด้านการค้า ลงทุน แต่ควรเป็นสะพานเป็นตัวรุกแก้ปัญหานี้ ไทยมีเพื่อนที่เป็นสมาชิกอาเซียน 9 ประเทศต้องร่วมกันแก้ปัญหานี้ ลดความขัดแย้งระหว่างกันของ 2 ประเทศมหาอำนาจและร่วมกันสร้างกติกาใหม่ของโลกจึงจะช่วยแก้ปัญหาได้