“….การพัฒนากิจการอวกาศ จีนได้ส่งดาวเทียม “เชวี่ยเฉียว2” เข้าสู่วงโคจรโลก-ดวงจันร์ พร้อมกับปล่อยดาวเทียมดวงเล็กอีกสองดวงโคจรรอบดวงจันทร์ ทำหน้าที่เป็นดาวเทียมดวงจันทร์ สำหรับประสานการทำงานกับยานสำรวจ “ฉางเอ๋อ” และยังส่งดาวเทียม “เชวี่ยเฉียว3” ขึ้นสู่วงโคจร “โลก-ดาวศุกร์” และ “โลก-ดาวอังคาร” โดยดาวเทียมชุด “เชวี่ยเฉียว” จะทำหน้าที่รองรับการพัฒนากิจกรรมสำรวจระบบสุริยะต่อไป ซึ่งในนั้นจะมีการพัฒนาดวงจันทร์และดาวอังคารอย่างเป็นล่ำเป็นสัน สำหรับการใช้ประโยชน์ในวัตถุดิบและสินแร่ที่จำเป็นแต่ไม่มีหรือมีน้อยบนโลก อย่างเช่นธาตุฮีเลียม3ที่จะใช้สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าจากโรงงานนิวเคลียร์ฟิวชั่น ที่จีนตั้งเป้าไว้ว่าจะทำสำเร็จได้ภายในปี 2049 ปณิธานรูปธรรมของจีนก็คือเสาะแสวงช่องทางพัฒนาตัวเองให้ใหญ่ยิ่งแข็งแกร่ง เป็นที่พึ่งพิงได้ของมวลหมู่มนุษย์อย่างไม่หยุดยั้ง โดยจีนยึดหลักการชัดเจนว่า การสำรวจอวกาศและดวงดาวเป็นภารกิจร่วมกันของมวลมนุษยชาติ จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย จะทำคนเดียวไม่ได้ แต่จีนก็จะไม่รอใครเหมือนกัน ทำอะไรได้ก่อนก็ต้องทำ เพราะโอกาสมักจะเป็นของผู้ที่พร้อมกว่าเสมอ…”
คิดเกินแข่งขัน 超越比拼
ภูมิปัญญาจีนยุคใหม่ สะท้อนผ่านวิธีคิดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตั้งอยู่บนฐานของการมุ่งมั่นสู่การก้าวขึ้นสู่ความเป็นยอดของอารยธรรมมนุษย์ด้วยเอกลักษณ์ของความเป็นจีน สืบต่อจากอดีตกาลห้าพันปี
ดูกรณีการพัฒนากิจการอวกาศ บัดนี้จีนได้ก้าวมาถึงขั้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานบนอวกาศ เพื่อบุกเบิกไปสู่การสำรวจระบบสุริยะทั้งระบบต่อไป
โดยเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมาได้ส่งดาวเทียม “เชวี่ยเฉียว2” เข้าสู่วงโคจรโลก-ดวงจันร์ พร้อมกับปล่อยดาวเทียมดวงเล็กอีกสองดวงโคจรรอบดวงจันทร์ ทำหน้าที่เป็นดาวเทียมดวงจันทร์ สำหรับประสานการทำงานกับยานสำรวจ”ฉางเอ๋อ” ที่จะทะยอยกันติดตามมาเป็นระลอกๆ รวมทั้งการจัดตั้งสถานีปฏิบัติการบนดวงจันทร์ รองรับการมาถึงของนักบินอวกาศจีนและนาๆชาติในอนาคตอันใกล้นี้
ทั้งนี้ในระหว่างนี้ จีนจะยังส่งดาวเทียม “เชวี่ยเฉียว3” ขึ้นสู่วงโคจร “โลก-ดาวศุกร์” และ “โลก-ดาวอังคาร” ทำให้ดาวเทียมชุด “เชวี่ยเฉียว” ถักทอกันเช้าเป็นโครงข่ายสื่อสารในระบบสุริยะที่จะทำหน้าที่รองรับการพัฒนากิจกรรมสำรวจระบบสุริยะในระยะยาวต่อไป ซึ่งในนั้นจะมีการพัฒนาดวงจันทร์และดาวอังคารอย่างเป็นล่ำเป็นสัน สำหรับการใช้ประโยชน์ในวัตถุดิบและสินแร่ที่จำเป็นแต่ไม่มีหรือมีน้อยบนโลก อย่างเช่นธาตุฮีเลียม3ที่จะใช้สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าจากโรงงานนิวเคลียร์ฟิวชั่น ที่จีนตั้งเป้าไว้ว่าจะทำสำเร็จได้ภายในปี 2049
โดยภาพรวมแล้ว จีนตั้งเป้าสร้างชาติให้เจริญรุ่งเรืองนำโลกไปสู่อนาคต ด้วยคำนึงถึงรากฐานความพร้อมของตัวเองในท่ามกลางมวลมนุษย์ด้วยกัน แล้วตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะต้องเดินหน้าลุยฝ่าอุปสรรคปัญหาไปให้ได้ ดังนั้นการพัฒนาประเทศจีนจึงไม่ได้แยกออกจากการสร้างอนาคตร่วมกันกับมวลมนุษย์ทั้งโลก
ดังเช่นในโครงการสำรวจดวงจันทร์ จีนก็ยินดีเปิดกว้างรับความร่วมมือกับนาๆชาติ รวมทั้งการใช้ระบบดาวเทียมสื่อสาร “เชวี่ยเฉียว” โดยจีนยึดหลักการชัดเจนว่า การสำรวจอวกาศและดวงดาวเป็นภารกิจร่วมกันของมวลมนุษยชาติ จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย จะทำคนเดียวไม่ได้
แต่จีนก็จะไม่รอใครเหมือนกัน ทำอะไรได้ก่อนก็ต้องทำ เพราะโอกาสมักจะเป็นของผู้ที่พร้อมกว่าเสมอ
ปณิธานรูปธรรมของจีนก็คือมุ่งหน้าสู่ดวงดาราและทะเลมหาสมุทร (星辰大海）เสาะแสวงช่องทางพัฒนาตัวเองให้ใหญ่ยิ่งแข็งแกร่ง เป็นที่พึ่งพิงได้ของมวลหมู่มนุษย์อย่างไม่หยุดยั้ง
ตรรกะทางความคิดเช่นนี้ของจีนจึงเกินกว่าการตีความว่าจีนกำลังแข่งขันเพื่อเอาชนะตะวันตก
เพียงแต่ว่าบนเส้นทางของการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายปลายทางนั้น ปรากฏมีการขัดขวางทุกวิถีทางจากกลุ่มประเทศตะวันตก จึงทำให้จีนต้องกำหนดยุทธศาสตร์ยุทธวิธีรับมือเป็นกรณีๆ ไป
โดยไม่จำเป็นต้องละทิ้งเป้าหมายใหญ่และอุดมการณ์ยาวไกลแต่ประการใด
