วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกสืบเศรษฐกิจวิจารณ์แซด!เงินทอนโครงการก้อนมหึมา!

Related Posts

วิจารณ์แซด!เงินทอนโครงการก้อนมหึมา!

“…*เบื้องหลังล็อคสเปกรับเหมาสายสีส้มประเคนทุนการเมือง
*อึ้ง!แม้เจ้าของเทคโนโลยีประมูลก็ไม่ผ่าน “เทคนิคเทพ” รฟม…”

[inline_related_posts title=”คุณอาจสนใจเรื่องเหล่านี้” title_align=”left” style=”list” number=”4″ align=”none” ids=”” by=”categories” orderby=”rand” order=”DESC” hide_thumb=”no” thumb_right=”no” views=”no” date=”yes” grid_columns=”2″ post_type=”” tax=””]

“… โดยปกติแล้วในการปรับปรุงร่างเงื่อนไขประมูลหรือทีโออาร์นั้น ตัวองค์กรและที่ปรึกษาที่ดำเนินการยกร่าง TOR จะต้องดำเนินการทดสอบหรือ Test หากเห็นว่าทีโออาร์ที่ออกไปนั้นเข้มงวดเกินไปหรือทำให้ยากแก่การแข่งขันก็จะต้องดำเนินการปรับปรุงเพื่อให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น แต่สำหรับโครงการนี้กลับทำตรงข้าม เงื่อนไขดังกล่าว ปรากฏว่า ทั่วทั้งโลกมีผู้รับเหมาไทยเพียง 2 รายเท่านั้นที่มีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์ที่กำหนดคือกลุ่ม ช.การช่าง (CK) และ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวลล้อบเมนต์ หรือ ITD CK และ ITD เท่านั้น ขณะที่ผู้รับเหมาต่างชาติอื่น ๆ ทั้งจากจีนและญี่ปุ่นที่ต่างมีโครงการก่อสร้างอยู่ทั่วโลก รวมทั้งโครงการในไทยอย่างรถไฟไทย-จีนหรือรถไฟความเร็วสูง ก็ไม่สามารถจะฝ่าด่านข้อกำหนดผลงานก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินกับรัฐบาลไทยได้…”

ฝ่ายบริหาร รฟม.ยังดิ้นแถสาเหตุที่ต้องกำหนดเงื่อนไขด้านเทคนิคระดับเทพ ที่แม้เจ้าของเทคโนโลยีขุดเจาะอุโมงค์บินมาประมูลเองก็ยังมีเงิบ อ้างต้องลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา-ผ่านย่านโบราณสถาน ต้องได้ผู้รับเหมาระดับเทพ ขณะ “ดร.สามารถ”ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้างพื้นฐานทิ้งบอมบ์”นายแน่มาก” ชี้ทั้งโลกมียักษ์รับเหมาไทยแค่ 2 รายเข้าเกณฑ์ แฉเบื้องหลังดิ้นสุดขั้วตีกันกลุ่มบีทีเอส เหตุ “เงินทอน”โครงการก้อนมหึมา

หลังจาก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ วิศวกรเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้ออกมาแฉเบื้องหลังการประมูลหาเอกชนร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้า สายสีส้มตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ) และเดินรถตลอดทั้งสาย (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี)

โดย รฟม.กำหนดให้ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการก่อสร้างงานโยธา โดยมีสัญญาที่เป็นคู่สัญญาโดยตรงกับหน่วยงานของรัฐบาลไทยที่แล้วเสร็จภายในช่วง 20 ปีครบทั้ง 3 ประเภทดังนี้
(1) งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินด้วยหัวเจาะ มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท
(2) งานออกแบบและก่อสร้างสถานีใต้ดิน หรือสถานียกระดับของระบบขนส่งมวลชน มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท
และ (3) งานออกแบบและก่อสร้างทางวิ่งพร้อมรางที่สาม แบบไม่ใช้หินโรยทาง มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

เงื่อนไขดังกล่าว ปรากฏว่า ทั่วทั้งโลกมีผู้รับเหมาไทยเพียง 2 รายเท่านั้นที่มีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์ที่กำหนดคือกลุ่ม ช.การช่าง (CK) และ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวลล้อบเมนต์ หรือ ITD CK และ ITD เท่านั้น ขณะที่ผู้รับเหมาต่างชาติอื่น ๆ ทั้งจากจีนและญี่ปุ่นที่ต่างมีโครงการก่อสร้างอยู่ทั่วโลก รวมทั้งโครงการในไทยอย่างรถไฟไทย-จีนหรือรถไฟความเร็วสูง ก็ไม่สามารถจะฝ่าด่านข้อกำหนดผลงานก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินกับรัฐบาลไทยได้

ส่วนกลุ่ม “บีเอสอาร์(BSR) ที่มี BTS เป็นแกนนำจะต้องเชิญผู้รับเหมารายอื่นที่มีผลงานด้านโยธาตามที่ รฟม. กำหนดจำนวน 2-3 รายมาร่วมยื่นข้อเสนอเพื่อให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเป็นเรื่องยาก เนื่องจาก ถึงเวลานี้ไม่รู้ว่าผู้รับเหมาเหล่านั้นยังคงทำงานด้านนี้อยู่อีกหรือไม่ และด้วยระยะเวลาที่จำกัดเพียง 2 เดือนจะต้องยื่นข้อเสนอจึงทำให้มีโอกาสน้อยมากที่จะเจรจาได้ทัน และถึงแม้จะจัดหาผู้ร่วมลงทุนได้แต่ด้วยระยะเวลาที่กระชั้นชิดไม่ถึง 2 เดือน จึงไม่มีกลุ่มใดเตรียมการได้ทันอยู่ดี

และแม้จะฝ่าด่านแรกนี้ไปได้ ก็ยังต้องเจอกับด่านที่ 2 ข้อกำหนดการประเมินคะแนนด้านเทคนิคที่ รฟม. ได้ยกระดับกลุ่มรับเหมาจะผ่านเกณฑ์พิจารณาด้านเทคนิคไปได้ ต้องได้คะแนนด้านเทคนิคในแต่ละหัวข้อไม่น้อยกว่า 85% และต้องมีคำแนนรวมไม่น้อยกว่า 90% จากเดิมในอดีต ในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (หัวลำโพง-บางแค) และสายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) กำหนดเกณฑ์คะแนนด้านเทคนิคเพียง 70-80%เท่านั้น ทั้งๆ ที่ใช้เทคนิคขุดเจาะอุโมงค์ใต้เกาะรัตนโกสินทร์และลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาเหมือนกัน

*แฉเงินทอนโครงการร่วม 2 หมื่นล้าน
แม้ฝ่ายบริหารรฟม.จะออกมาตอบโต้โดยยืนยันว่า เงื่อนไขที่กำหนดเป็นความจำเป็นเพราะเส้นทางก่อสร้างต้องสร้างอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยาและผ่านพื้นที่อ่อนไหวที่มีโบราณสถาน ทำให้ต้องได้ผู้รับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและการกำหนดเงื่อนไขด้านเทคนิคข้างต้นนั้น รฟม.ได้พิจารณาเปิดกว้างให้ผู้เสนอราคาสามารถดึงผู้ให้บริการ และรับเหมาต่างประเทศเข้าร่วมได้อยู่แล้ว ซึ่งมีผู้รับเหมาที่เข้าเกณฑ์ทั้งไทยและต่างประเทศอยู่หลายราย

อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงคมนาคม เปิดเผยเบื้องหลังความพยายามกำหนดเกณฑ์ด้านเทคนิคสุดพิสดาร และตั้งเกณฑ์พิจารณาคะแนนด้านเทคนิคเอาไว้สูงลิบลิ่วครั้งนี้ว่า เพื่อแก้ลำกลุ่ม BSR ที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นฟ้อง รฟม.และกรรมการคัดเลือกจนยังผลให้โครงการประมูล สายสีล้มต้องล้มทั้งยืนและล่าช้าไปจากกำหนดกว่า 2 ปี การกำหนดเกณฑ์ด้านเทคนิคครั้งนี้ แม้กลุ่มดังกล่าวจะสามารถเจรจากลุ่มผู้รับเหมาจากจีนและญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของเทคนิคโลโลยีขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดินรถไฟฟ้ามาร่วมงานได้ ก็ไม่สามารถจะผ่านเกณฑ์ผลงานที่ต้องมีกับรัฐบาลไทยและเปิดให้บริการแล้วไปได้

ดังนั้นการประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะมีขึ้น จึงเชื่อแน่ว่าจะมีกลุ่มรับเหมายักษ์เพียง 2 กลุ่มเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าประมูล คือ CK ที่คงจะร่วมกับ BEM อย่างแน่นอน ส่วนกลุ่ม ITD นั้น คงจะร่วมกับผู้ให้บริการรถไฟฟ้าจากต่างประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นการชิงดำระหว่างกลุ่มCK-BEM และกลุ่ม ITD แต่เป็นที่รับรู้กันว่า เป็นเพียงคู่เทียบและพิธีกรรมเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ กลุ่มรับเหมาดังกล่าวได้ “โบนัส”ก้อนใหญ่จากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า สายสีม่วงใต้(เตาปูร-ราษฎร์บูรณะ-วงแหวนกาญจนา)ไปแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงเป็นรที่รับรู้กันดีในกลุ่มผู้รับเหมาว่า การประมูลก่อสร้างโครงการสายสีส้มส่วนตะวันตกนี้ ITD จะเป็นเพียงคู่เทียบและจะหลีกทางให้ CK ได้โครงการไป

“เพราะโครงการนี้มีการตั้งงบก่อสร้างงานโยธาเอาไว้สูงลิ่วถึง 96,000 ล้านบาท และไม่ได้แบ่งเนื้องานออกมาประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างเช่นโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มตะวันออกหรือโครงการอื่นๆ จึงถือเป็นโครงการก่อสร้างใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยเป็นที่รับรู้กันดีว่า มีการตั้งงบก่อสร้างโครงการเอาไว้สูงกว่าปกติถึง 15-20% จึงมีเสียงวิจารณ์ซุบซิบสนั่นเมืองว่า เฉพาะเงินทอนใต้สัญญาที่ต้องให้กับฝ่ายการเมืองคาดว่าจะสูงกว่า 14,000-19,000 ล้านบาท จึงมีการล็อคสเปกขั้นเทพจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาแบ่งเค้กก้อนนี้ได้ เรื่องนี้รฟม.น่าจะออกมาชี้แจงให้ชัดเจน”

เสียงวิจารณ์วงการก่อสร้างยังกล่าวด้วยว่า นอกจากซ่อนเงินทอนเอาไว้สูงลิ่วภายใต้โครงการก่อสร้างที่ตั้งงบไว้สูงลิ่ว กับการกำหนดคุณสมบัติขั้นเทพที่ต่อให้เอาเจ้าของเทคโนโลยีขุดเจาะและก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ามาร่วมประมูลก็ยังต้องหงายเงิบแล้ว ยังมีรายการผูกปิ่นโตกินรวมงานเดินรถและซ่อมบำรุง(M&E) ที่ซุกซ่อนงบพิเศษทอนคืนให้กลุ่มทุนการเมืองอีกนับหมื่นล้าน ผ่านการจัดทำบัญชีค่าใช้จ่ายเดินรถและซ่อมบำรุงที่จะทำให้ท้ายที่สุดผู้รับสัมปทานจะไม่ต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้คืนให้รฟม.ตามสัญญาที่เปิดช่องได้อีก เรื่องนี้ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องให้คำตอบกับสังคม

*เชื่อ BSR ระอุศึกฟ้องศาลให้ยุ่งขิงอีกแน่
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า โดยปกติแล้วในการปรับปรุงร่างเงื่อนไขประมูลหรือทีโออาร์นั้น ตัวองค์กรและที่ปรึกษาที่ดำเนินการยกร่าง TOR จะต้องดำเนินการทดสอบหรือ Test ว่าหากกำหนดเงื่อนไขออกไปแบบนี้ จะมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างหรือโอปอเรเตอร์กี่ราย กี่บริษัทเข้าร่วมประมูลแข่งขันได้บ้าง ทั้งไทยและต่างประเทศ หากเห็นว่าทีโออาร์ที่ออกไปนั้นเข้มงวดเกินไปหรือทำให้ยากแก่การแข่งขันก็จะต้องดำเนินการปรับปรุงเพื่อให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น

แต่สำหรับโครงการนี้กลับทำตรงข้าม สิ่งที่ รฟม.และคณะกรรมการประกวดราคาตาม มาตรา 36 ดำเนินการไปนั้น กลับพยายามกำหนดเงื่อนไขที่เข้มงวดด้วยข้ออ้างที่ย้อนแย้งกับสิ่งที่ รฟม.ดำเนินการมาโดยตลอด แม้แต่โครงการรถไฟความเร็วสูงที่มีความซับซ้อนกว่านี้หลายเท่าตัวก็ยังไม่มีการกำหนดเงื่อนไขด้านเทคนิดกันสุดขั้วแบบนี้

แม้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ จะยืนยันว่าเป็นการประมูลนานาชาติ(International Competition Bidding : ICB) แต่การกำหนดเงื่อนไขที่ต้องมีผลงานก่อสร้างระบบงานโยธา โดยเฉพาะอุโมงค์ใต้ดินกับรัฐบาลไทย ที่ถือเป็นเงื่อนไขที่เป็น Local content เอาไว้ชนิดกระดิกไม่ได้ จึงทำให้ต่อให้เจรจาดึงเอาผู้รับเหมาจากจีนและญี่ปุ่นที่มีผลงานก่อสร้างอยู่ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย ก็ไม่มีทางผ่านเงื่อนไขด้านเทคนิคข้อนี้ไปได้

การประมูลครั้งใหม่เป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะมีการเชื้อเชิญคณะผู้สังเกตการณ์จากองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นเข้าร่วมตามข้อตกลงคุณธรรม แต่คณะผู้สังเกตุการณ์ที่เป็นบุคคลภายนอกเหล่านั้นไม่มีทางได้รู้ตื้นลึกหนาบางถึงข้อกำหนดและเงื่อนไข TOR สุดพิสดารที่หมกเม็ดกันเอาไว้เหล่านี้ ก็คงเป็นได้แค่”รับเบอร์แสตมป์” เพราะไม่รู้รายละเอียดและใส้ในที่ขบวนการเหล่านี้หมกเม็ดเอาไว้

“เชื่อแน่ว่า หากท้ายที่สุดแล้ว คณะกรรมการประกวดราคาชี้ขาดให้กลุ่ม “บีเอสอาร์”ที่เคยเข้าร่วมประมูลไม่ผ่านคุณสมบัติด้านเทคนิค คงเผชิญคำถามและข้อกังขาจากผู้คนในสังคมว่า เหตุใดกลุ่มผู้รับเหมาดังกล่าวที่เคยผ่านการพิจารณาคัดเลือกมาก่อนจึงตกสเปกไปได้ และเชื่อว่ากลุ่มบีทีเอคงใช้สิทธิ์ร้องเรียน และฟ้องคดีถูกละเมิดต่อศาลปกครอง และศาลอาญาคดีทุจริตฯอีกครั้ง เพราะเป็นการกำหนดเงื่อนไขที่มีเจตนากีดกันการประมูลอย่างชัดเจน”

ขณะที่กรณีการเปลี่ยนเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกและยกเลิกการประกวดราคาในครั้งก่อน ศาลปกครองได้มีคำพิพากษาไปแล้วก่อนหน้าว่า รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกใช้อำนาจโดยมิชอบในการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกดังกล่าว เพียงแต่ศาลเห็นว่ายังไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ผู้เข้าร่วมประมูลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคดีฟ้องร้องกรณีที่รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือก ในประเด็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบค้างอยู่อีกคดี

จับตางานนี้”เสี่ยโอ๋”ที่ฝ่ายค้านจองกฐินซักฟอกเอาไว้จะดิ้นหนีโครงการอื้อฉาวนี้อย่างไร?

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts