4 พฤษภาคม 65 วานนี้ (3 พฤษภาคม 65) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้มีคำเตือนไปถึงชาติตะวันตกว่า รัสเซียจะยกเลิกสัญญาการซื้อขายสินค้าและพลังงานทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการตอบโต้อย่างเข้มแข็งที่สุดของรัสเซียต่อมาตรการลงโทษต่างๆ ที่สหรัฐฯและชาติพันธมิตรนำมาใช้กับรัสเซียในช่วงกว่าสองเดือนที่ผ่านมา
ปธน.ปูติน ลงนามในกฎหมายฉบับใหม่ในวันอังคาร ซึ่งจะห้ามการส่งออกสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ ไปยังบุคคลและนิติบุคคลที่อยู่ในรายชื่อผู้ที่ถูกทางการรัสเซียลงโทษซึ่งปูตินสั่งให้รัฐบาลกรุงเครมลินจัดทำขึ้นภายใน 10 วัน
โดยกฎหมายดังกล่าวซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที จะมอบอำนาจให้รัฐบาลรัสเซียในการยกเลิกสัญญาการส่งออกสินค้าที่ทำไว้กับผู้ที่ถูกลงโทษจากรัสเซีย
ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า กฎหมายใหม่นี้คือการตอบโต้ต่อ “การกระทำผิดกฎหมายของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร” ที่มีจุดประสงค์เพื่อจำกัดสิทธิในสินทรัพย์ของสหพันธรัฐรัสเซีย พลเมืองของรัสเซียและนิติบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมายของรัสเซีย
ที่ผ่านมา มาตรการตอบโต้ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่รัสเซียนำมาใช้กับชาติตะวันตก คือการตัดการขนส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่โปแลนด์และบัลแกเรีย รวมทั้งการบังคับให้ประเทศในยุโรปจ่ายค่าก๊าซจากรัสเซียด้วยเงินรูเบิลเท่านั้น
คำเตือนของผู้นำรัสเซียในครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่บรรดาผู้นำยุโรปกำลังร่วมประชุมในกรุงบรัสเซลล์เพื่ออนุมัติข้อเสนอให้ใช้มาตรการลงโทษชุดใหม่ซึ่งจะมุ่งเป้าไปที่ภาคพลังงานของรัสเซีย โดยอาจรวมถึงการคว่ำบาตรน้ำมันดิบทั้งหมดจากรัสเซีย
ข้อมูลจาก Centre for Research on Energy and Clean Air ระบุว่า นับตั้งแต่รัสเซียบุกรุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ประเทศในสหภาพยุโรปยังคงซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นมูลค่าราว 47,000 ล้านยูโร
ทางด้านประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวปราศรัยผ่านวิดีโอเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ภาคพลังงานของรัสเซียยังคงถูกยกเว้นจากการลงโทษของชาติตะวันตก และรัสเซียยังคงใช้รายได้จากส่วนนี้ในการสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน