แม้จะยิ่งใหญ่ในด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี ก้าวสู่ดวงจันทร์ แต่จีนรู้ว่าความสำเร็จมากมายจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากสุขภาพของประชาชนอ่อนแอ จึงกำหนดให้มี “วันออกกำลังกายแห่งชาติ” ตั้งแต่ปี ค.ศ.2009
สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน สร้างทัศนคติว่า “การออกกำลังกายคือยาวิเศษ” ฝังรากลึกในหัวใจของผู้คน ปัจจุบันอายุขัยเฉลี่ยของประชากรจีนเพิ่มขึ้นเป็น 78.2 ปี และดัชนีหลักที่ใช้ชี้วัดสุขภาพของประชาชน อยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง
ผู้นำจีนสนับสนุนการเล่นกีฬา เพื่อเป็นหนทางสำคัญในการพัฒนาสุขภาพ และตอบสนองความปรารถนาของประชาชน ที่ต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาของประชาชนในทุกด้าน หากสุขภาพประชาชนเข็มแข็ง จีนก็แข็งแกร่ง ประเทศชาติก็รุ่งโรจน์
ขณะที่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กำหนดเป้าหมายการพัฒนาระยะยาว ระบุอย่างชัดเจนถึงการบรรลุ “ประเทศให้เข้มแข็งด้านกีฬา” และ “ประเทศจีนที่มีสุขภาพดี” ภายในปี ค.ศ.2035
ณ สิ้นปี ค.ศ. 2022 ประเทศจีนมีสนามกีฬารวม 4,226,800 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 3,702 ล้านตารางเมตร ประชาชนกว่า 500 ล้านคนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และมากกว่า 90% ของชาวเมืองและชนบท ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกายแห่งชาติ ระดับความรู้ด้านสุขภาพของประชาชนได้เพิ่มขึ้นเป็น 25.4%
ล่าสุด เมื่อวันพุธ (19 พ.ย.) กระทรวงศึกษาธิการของจีน ได้ออกกฎให้นักเรียนระดับประถมและมัธยมต้นในจีน ควรเข้าร่วมกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน
เอกสารฉบับใหม่เกี่ยวกับการเสริมสร้างสุขภาพร่างกายของนักเรียน กระตุ้นให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนวิชาพลศึกษาและสุขศึกษาอย่างรอบด้าน พร้อมทั้งจัดสรรชั่วโมงเรียนวิชาเหล่านั้นให้เพียงพอ โดยกระทรวงฯ ยังสนับสนุนให้โรงเรียนจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายแบบมีคุณภาพ ในช่วงเช้า 1 ชุด และช่วงบ่ายระหว่างคาบเรียนอีก 1 ชุด โดยแต่ละช่วงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที
สำหรับหลักสูตรการศึกษาระดับปริญญาตรี จะต้องจัดให้มีวิชาพลศึกษาขั้นต่ำ 144 ชั่วโมงเรียน ส่วนวิทยาลัยอาชีวศึกษาต้องมีวิชาพลศึกษาอย่างน้อย 108 ชั่วโมง
ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวยังเรียกร้องการพัฒนาบุคลากรด้านกีฬาเพิ่มขึ้น เพิ่มการผลักดันตำแหน่งครูพละ และปรับปรุงการประเมินผลการสอนของครูสาขาวิชานี้



