วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
หน้าแรกท้องถิ่น“รสนา" ยื่นร้องประธาน สตง. ตรวจสอบโครงการแจกเงินดิจิทัล ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและขัดพ.ร.บ.การเงินการคลัง ขอให้เรียกประชุม สตง.- กกต.-ป.ป.ช. เพื่อระงับยับยั้งโครงการ หากผิดเชื่อว่าจะเป็นทางลงให้กับรัฐบาล

Related Posts

“รสนา” ยื่นร้องประธาน สตง. ตรวจสอบโครงการแจกเงินดิจิทัล ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและขัดพ.ร.บ.การเงินการคลัง ขอให้เรียกประชุม สตง.- กกต.-ป.ป.ช. เพื่อระงับยับยั้งโครงการ หากผิดเชื่อว่าจะเป็นทางลงให้กับรัฐบาล

สตง. วันนี้ ( 19 ต.ค.) นางสาวรจนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร ยื่นหนังสือต่อประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน โดยมีนางสาวน้อมจิตร์ สังข์ด่านจาก ที่ปรึกษาการตรวจเงินแผ่นดินเป็นตัวแทนมารับหนังสือ เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของรัฐบาล มีปัญหามิชอบด้วยกฎหมายและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐ โดยเป็นอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะดำเนินการระงับยับยั้งหากก่อให้เกิดความเสียหายต่อการเงินการคลังของรัฐและขาดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

นางสาวรสนา อ้างเหตุผล 6 ประการ ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของรัฐและอยากให้สตงตรวจสอบ คือ
1.ผลได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งนักวิชาการและอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยก็ออกมาแสดงความคิดเห็น โดยเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลมาแจกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะการบริโภค แต่ควรนำไปทำนโยบายที่ยั่งยืนและเกิดผลระยะยาวมากกว่า
2.น่าขัดต่อพระราชบัญญัติเงินตรา
เนื่องจากการแจกเงินดิจิตอล token ยังเกิดความสับสนว่าเป็นเงินตราสกุลใหม่ หรือเป็นสิทธิการใช้เงินแบบดิจิทัล ซึ่งอาจจะเป็นการสำแดงที่ไม่จริง สำแดงว่าเป็นเงินดิจิทัล แต่จริงๆเป็นระบบเงินใหม่

3.เพิ่มความสิ้นเปลืองแก่ประเทศโดยไม่จำเป็น โดยเห็นว่าการสร้างระบบใหม่อย่างบล๊อคเชน เป็นการใช้เงินมหาศาล และหากทำโครงการนี้แล้วไม่ทำอะไรต่อเนื่องเป็นการเสียเงินเปล่า ทั้งที่ดิจิทัลวอลเล็ตมีอยู่แล้ว และการจะนำเงินภาษีมาใช้เพื่อทำบล๊อคเชนก็เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ

4.หลีกเลี่ยงหลักการใช้เงินแผ่นดิน โดยระบุว่าจะใช้เงินแผ่นดิน จำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 140 ที่ระบุว่าจะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการงบประมานให้ที่ประชุมรัฐสภายอมรับ แต่การที่รัฐบาลจะแจกเงินตั้งแต่เดือนเมษายนแสดงว่าจะไม่นำเรื่องนี้เข้าสู่งบประมาณ

5.ซุกหนี้สาธารณะ ที่ดูจากรัฐบาลประกาศจะใช้ธนาคารออมสินกู้เงินแทน แล้วนำเงินมาใช้ เห็นว่าน่าจะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและซุกหนี้สาธารณะ และเชื่อว่าธนาคารออมสินก็ไม่น่าจะมีหลักการในลักษณะดังกล่าว

และ 6.ขัดกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มาตรา 9 วรรค 3 โดยรัฐบนสาวบจะต้องไม่ใช้งบประมาณแผ่นดินไปใช้ในการหาเสียง ซึ่งการสแจกเงินให้เด็กอายุ 16 ปีขึ้นไป คิดว่าเป็นการหาเสียงทางการเมือง เปียบเสมือนกับการตกเขียว เด็กอายุ 16 ปี อีก 4 ปีข้างหน้าก็อายุ 20 ปี และการแจกเงินให้คนทั้งหมดโดยไม่เลือกน่าจะขัดต่อระเบียบและกฎหมาย
ซึ่งจากเหตุผล 6 ข้อดังกล่าว ส่งผลให้โครงการฯน่าจะเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ รวมทั้งพระราชบัญญัติเงินตรา ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจและการเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง

นางสาวรสนา กล่าวว่า จึงได้มาร้องเรียนต่อผู้ตรวจเงินแผ่นดิน สั่งการให้ตรวจสอบเป็นการเร่งด่วนและขอให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน จัดประชุมร่วมกับ กกต. และ ป.ป.ช เพื่อระงับหรือยับยั้งการดำเนินการดังกล่าวตามมาตรา 8 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน

“ที่ผ่านมาเราเห็นประชาชนและนักวิชาการ ออกมาคัดค้านแต่รัฐบาลไม่ฟัง เพราะฉะนั้นจึงต้องดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่ เพราะถ้าเกิดความเสียหายจริงและขัดกฎหมาย เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นที่สามารถยุติได้ เราควรจะล้อมคอกก่อนวัวหาย ไม่ใช่วัวหายแล้วค่อยไปจับคนมาติดคุก ซึ่งในกรณีเรื่องจำนำข้าว เราก็เห็นว่ารัฐมนตรีติดคุกถึง 48 ปี จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเงินเราก็สูญสลายไปหมดแล้ว ในฐานะประชาชนเจ้าของภาษี ที่รัฐบาลต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน” นางสาวรสนา กล่าว

นางสาวรสนา ยังกล่าวว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวมีความพยายามหลีกเลี่ยงเข้าสู่กระบวนการงบประมาณ ทั้งที่รัฐบาลยืนยันหนักแน่นว่าจะเริ่มแจกเงินตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 ก็มีความชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ต้องการที่จะนำโครงการนี้เข้าสู่กระบวนการงบประมาณของรัฐสภาใช่หรือไม่ ดังนั้นหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบน่าจะตรวจสอบได้ และถ้าพบว่าไม่ปกติหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็มีอำนาจในการที่จะสั่งการในเรื่องนี้ต่อไป

นางสาวรสนา ยังได้ขึ้นไปหารือกับผู้แทน สตง. และเปิดเผยว่า สตง.แจ้งว่าจะต้องรอให้รัฐบาลมีมติ ครม.ก่อน เพราะขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน ว่าจะดำเนินโครงการอย่างไร จะนำเงินส่วนไหนมาใช้จ่าย หากมีรายละเอียดก็จะเข้าสู่การตรวจสอบ ซึ่ง สตง.ก็มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาแล้ว ในการดูโครงการนี้ พร้อมย้ำวว่าการมาร้องเพื่อให้ สตง.ทำตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งกรณีก็อาจจะเป็นทางลงให้กับรัฐบาลก็ได้ เพราะหาเสียงมา หากไม่ทำหรือถอยก็จะเสีย แต่หากการตรวจสอบออกมาแล้วไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการถกเถียงด้วยข้อกฎหมาย ไม่ใช่ด้วยอารมณ์

นอกจากนี้ นางสาวรจนา จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงประธาน กกต.และประธาน ป.ป.ช.ให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบด้วย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts