“….ปัญหาที่ตามติดมากับความก้าวหน้าของอารยธรรมอุตสาหกรรม ที่ทำลายสภาพแวดล้อมอย่างไม่บันยะบันยัง โลกของเราใบนี้ก็คงจะไม่ยินยอมเป็นแน่แท้ อีกทั้งในขบวนแถวของมวลมนุษย์เองก็ระส่ำระสายหนัก มีการเบียดเสียดเบียดทับกันรุนเเรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำท่าจะเสียขบวน แถมยังแบ่งแยกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมเก่าที่มีสหรัฐฯเป็นหัวโจกและกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่ที่มีจีนเป็นแกนนำ ด้วยฝ่ายแรกยังยึดถือเอากลุ่มทุนเป็นหัวใจ ส่วนฝ่ายหลังชูธงยึดมั่นในผลประโยชน์ของสังคมรวมที่ถือเอาประชาชนเป็นหัวใจ ซึ่งต้องเผชิญกับการต่อต้านจากฝ่ายแรกมาโดยตลอด แต่กระนั้น ก็ยังได้เกิดความร่วมมือในแทบทุกมิติ กลายเป็นกระแสขับเคลื่อนหลักบนเส้นทางสายใหญ่ที่นำไปสู่อนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติอย่างมีนัยสำคัญ…”
ทางสายใหญ่ 人间正道
เส้นทางเดินของมวลมนุษยชาติ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทอดยาวให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มีแต่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าโดยตลอด แม้ในระหว่างทางจะมีขึ้นมีลง บางช่วงก็ถึงกับคดเคี้ยวเลี้ยวลด บวกกับการขับเคลื่อนที่เป็นไปอย่างกระจัดกระจาย ไม่มีการประสานเชื่อมโยงและขับเคลื่อนไปด้วยกัน จึงทำให้รูปการขับเคลื่อนเป็นไปแบบสะเปะสะปะ โดยรวมแล้วก็คือดำเนินมาแบบเชื่องช้า จนกระทั่งถึงยุคอุตสาหกรรม ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 คนเราจึงได้ก้าวขึ้นสู่ทางสายใหญ่ พากันเดินดุ่มเป็นเส้นตรงโดยไม่แยกเขาแยกเรา มุ่งสู่อนาคตเบื้องหน้า ด้วยความหวังอันเจิดจ้าว่าจะเนรมิตชีวิตให้เลิศล้ำเหนือสิ่งอื่นใดในจักรวาล
ทว่าปัญหาที่ตามติดมากับความก้าวหน้าของอารยธรรมอุตสาหกรรมก็ได้กระชากสำนึกของคนเราอย่างแรงว่าหากการขับเคลื่อนตัวเองไปสู่อนาคตที่วาดหวังยังดำเนินไปในลักษณะเดิมๆ ที่ทำลายสภาพแวดล้อมอย่างไม่บันยะบันยัง โลกของเราใบนี้ก็คงจะไม่ยินยอมเป็นแน่แท้
อีกทั้งในขบวนแถวของมวลมนุษย์เองก็ระส่ำระสายหนัก มีการเบียดเสียดเบียดทับกันรุนเเรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำท่าจะเสียขบวน จะเหลือแต่เพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งมีใช่เจตนารมณ์ร่วมกันของมวลมนุษย์แต่ประการใด
ด้วยเหตุนี้ หากสังคมมนุษย์ยังต้องการเดินหน้าต่อไป เพื่อบรรลุสู่จุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้ ก็จำเป็นจะต้องแก้โจทย์ใหญ่ 2 ข้อให้ตกไป
ข้อที่ 1 ต้องสร้างอนาคตของตนโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ต้องฟื้นความสมดุลให้กับระบบนิเวศน์และกำหนดแนวการพัฒนาสร้างอารยธรรมยุคใหม่ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูความสมบูรณ์ให้แก่ดาวโลกดวงนี้แบบยั่งยืน มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน
ข้อที่ 2 ต้องทำการจัดระเบียบสังคมโลกครั้งใหญ่ ให้มวลมนุษย์อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน ขจัดความเหลื่อมล้ำทั้งทางด้านกายภาพและความสำนึกรับรู้ ให้มนุษย์ทุกสายพันธุ์ยืนอยู่บนฐานแห่งความมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน เคารพซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ลงแรงร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆสำหรับปูเป็นทางเดินสายใหญ่ไปสู่อนาคตร่วมกัน
โจทย์ข้อแรก ดูเหมือนคนเราจะยอมรับร่วมกันแล้วว่า จะต้องทำตัวเป็นนักเรียนดีของดาวโลกอย่างไม่มีเงื่อนไข มีการกำหนดตารางเวลาลดการใช้พลังงานฟอสซิลลงอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ทุกฝ่ายจึงได้พากันกระวนกระวายจัดแจงกำหนดนโยบายไปในทางเดียวกัน รวมทั้งร่วมมือกันทั้งโลก ดังจะเห็นได้จากการประชุมแก้ ปัญหาโลกร้อนแต่ละครั้งก็สามารถผ่านมติสำคัญๆได้เสมอ
ต่างจากการแก้ปัญหาในโจทย์ข้อที่สอง ที่ยังแบ่งแยกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมเก่าที่มีสหรัฐฯเป็นหัวโจกและกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่ที่มีจีนเป็นแกนนำ ด้วยฝ่ายแรกยังยึดถือเอากลุ่มทุนเป็นหัวใจ โดยเฉพาะกลุ่มทุนใหญ่ผู้ผูกขาดห่วงโซ่การไหลเวียนของภาคธุรกิจการเงินโลก การแก้ปัญหาใดๆจะต้องละเว้นผลกระทบที่จะมีต่อคนกลุ่มนี้ให้มากที่สุด แม้แต่การผลักภาระที่ฝ่ายตนเป็นผู้ก่อขึ้น ไปให้ส่วนอื่นๆของสังคมแบกรับก็เป็นปรากฏให้เห็นเป็นประจำ แม้แต่การก่อสงคราม หลายครั้งหรือแทบทุกครั้งของสงครามใหญ่ก็เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกลุ่มทุนผูกขาดเหล่านี้
ส่วนฝ่ายหลังชูธงยึดมั่นในผลประโยชน์ของสังคมรวมที่ถือเอาประชาชนเป็นหัวใจ ซึ่งต้องเผชิญกับการต่อต้านจากฝ่ายแรกมาโดยตลอด แต่กระนั้น ด้วยแนวทางการปฏิบัติที่สนองตอบต่อความต้องการของมวลมหาชนโดยรวมของโลก บวกกับความสำเร็จอย่างต่อเนื่องและมากขึ้นเรื่อยๆในการพัฒนาอารยธรรมใหม่ทั้งทางด้านวัตถุและจิตใจ ทำให้แวดวงเพื่อนฝูงที่รู้ใจขยายตัวเติบใหญ่ เกิดความร่วมมือในแทบทุกมิติ กลายเป็นกระแสขับเคลื่อนหลักบนเส้นทางสายใหญ่ที่นำไปสู่อนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติอย่างมีนัยสำคัญ
ไขคำจีน
正道
เจิ้งเต้า
ทางสายหลัก สายตรง